tag:blogger.com,1999:blog-51285687525086205362024-02-18T22:35:41.223-08:00วิธีรักษาสิว ครีมรักษาสิว เคล็ดลับหน้าขาวใส ผิวขาวเปล่งปลั่งสูตรวิธีรักษาสิว การรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวเสี้ยน รีวิวครีมรักษาสิว ฟ้า กระ จุดด่างดำ ครีมหน้าใส ครีมผิวขาว เคล็ดลับหน้าขาวใส ผิวพรรณสวยอย่างเป็นธรรมชาติAdminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comBlogger29125tag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-76431060214526066852017-01-26T01:50:00.000-08:002017-02-09T01:51:26.076-08:00สิวที่คาง สาเหตุและวิธีรักษาสิวบริเวณคางอย่างได้ผลสิวที่คางบ่งบอกอะไรเรา? มีเพื่อนๆ หลายคนที่ชอบเป็น<b>สิวอักเสบที่คางและบริเวณรอบๆ คาง</b> และก็มักจะเป็นซ้ำๆ บ่อยๆ ไม่หายสักที แล้ว<b>เจ้าสิวที่คาง</b>เกิดได้ยังไง สิวบอกโรคอะไรเราหรือเปล่า และจะมีวิธีรักษาอย่างไรให้หาย ในบทความนี้เรามีคำตอบให้ค่ะ<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQKavIlnzjlrfT19CSfshyphenhyphenMY-bSeEN7dT7jR_aOpp5D7oUsGEyygFjNc7PXEFTf_S6E-ECr9dPwiBra-k7WH49TUMtduHTlsWrnG0UrMJi2Wv9KZtqQsSzvPBiuOJWfej_ShFMfn1jI0Uq/s1600/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25872.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQKavIlnzjlrfT19CSfshyphenhyphenMY-bSeEN7dT7jR_aOpp5D7oUsGEyygFjNc7PXEFTf_S6E-ECr9dPwiBra-k7WH49TUMtduHTlsWrnG0UrMJi2Wv9KZtqQsSzvPBiuOJWfej_ShFMfn1jI0Uq/s1600/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25872.png" title="สิวที่คาง" /></a></div>
<br />
<b style="color: blue;"><span style="font-size: large;">ลักษณะของสิว</span></b><br />
ประเภทของสิวที่เกิดกับแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป เช่น<br />
<ol>
<li><b>สิวอักเสบ สิวบวมแดงใหญ่ สิวแบบมีหัวหนอง</b> สิวเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วมักบ่งชี้ว่าอวัยวะภายในร่างกายบางอย่างกำลังทำงานผิดปกติ</li>
<li><b>สิวอุดตัน สิวผด </b>เกิดจากการรักษาความสะอาดของใบหน้าไม่เพียงพอ จากมลภาวะที่พบในชีวิตประจำวัน หรือการล้างเครื่องสำอางออกไม่หมด หรือการใช้มือสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ </li>
<li><b>สิวฮอร์โมน</b> มีลักษณะเหมือนกับสิวอุดตัน และสิวอักเสบ มักจะเกิดขึ้นเมื่อระดับฮอร์โมนในร่างกายของ ไม่ได้สมดุล โดยเฉพาะเวลาที่ใกล้เกิดประจำเดือน หรือเกิดความเครียด การพักผ่อนน้อย เป็นต้น</li>
</ol>
<span style="font-size: large;"><b><span style="color: #990000;">สาเหตุการเกิดสิวที่คาง</span></b><span style="color: blue;"> </span></span><br />
โดยสรุปแล้วสิวที่คางสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้<br />
<ol>
<li><span style="color: blue;">เกิดจาก</span>สมดุลฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะภาวะที่เกิดความเครียด นอนดึก อดนอน และในช่วงวัยรุ่นจะเป็นสิวเยอะกว่าช่วงชีวิตอื่นๆ และผู้หญิงมักเป็นสิวได้ง่ายขึ้นในช่วงมีประจำเดือน ในช่วงตั้งครรภ์หรือหลังคลอด ซึ่งฮอร์โมนของเพศหญิงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมาก นอกจากนี้ปัญหาเกี่ยวกับมดลูกก็เป็นสาเหตุให้เกิดสิวที่คางได้</li>
<li><span style="color: blue;">สิวที่คาง</span>เป็นเสมือนสัญญาณเตือนจากอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ลำไส้เล็ก ช่องคลอด มดลูก และรังไข่ ว่ากำลังเกิดความผิดปกติขึ้น</li>
<li><span style="color: blue;">เกิดจาก</span>การทานอาหารรสจัดทำให้ลำไส้ต้องทำงานหนัก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้เกิดสิวขึ้นที่คาง</li>
<li><span style="color: blue;">เกิดจาก</span>มลพิษจากสภาวะแวดล้อม ฝุ่น แสงแดด </li>
<li><span style="color: blue;">เกิดจาก</span>เครื่องสำอางบางอย่าง เช่น ครีมบำรุงผิว เครื่องแต่งหน้า สบู่บางอย่าง อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโคมิโดน ซึ่งจะไปอุดตันรูขุมขน หรือเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของสิว</li>
<li><span style="color: blue;">เกิดจาก</span>การใช้มือสัมผัสที่คาง หรือใบหน้าบริเวณบ่อยๆ </li>
</ol>
<span style="color: #990000; font-size: large;"><b>วิธีรักษาสิวและป้องกันการเกิดสิวที่คาง</b></span><br />
การเกิดสิวที่คางสามารถรักษาได้ด้วยตนเอง โดยวิธีการง่ายๆ ดังต่อไปนี้<br />
<ul>
<li><b>ล้างหน้าให้สะอาดหมดจด</b> ด้วยสบู่เหลวหรือคลีนเซอร์ล้างหน้าที่ไม่มีฟอง เช่น Acne-Aid Liquid Cleanser, Physiogel Cleanser, Cetaphil Gentle Skin Cleanser เป็นต้น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ช่วยแก้ปัญหาสิวโดยเฉพาะ สามารถล้างหน้าได้อย่างสะอาดและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว </li>
<li><b>แต้มหัวสิว</b>ด้วย<b><span style="color: blue;"><a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2016/10/best-anti-acne-cream.html" target="_blank">ครีมแต้มสิว</a></span></b> ช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น </li>
<li><b>รับประทานผักผลไม้มากๆ</b> หรือโดยอาจทานเป็นน้ำผลไม้ เช่น น้ำมะเขือเทศ เป็นต้น ในมือเช้า และมื้อเย็นจะดีมาก เพราะสิวที่คางเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าลำไส้กำลังมีปัญหา โดยจะสังเกตได้ว่า คนที่ท้องผูก หรือไม่ได้ขับถ่ายเป็นปกติ มักที่จะมีสิวเกิดขึ้นที่คาง ดังนั้น การรับประทานผลไม้จะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ช่วยลดการเกิดสิวที่คางได้ </li>
<li><b>ยาบำรุงสตรี</b> ในช่วงที่คุณสาวๆ มีประจำเดือนเกิดขึ้น ฮอร์โมนของเพศหญิงจะไม่ค่อยมีความสมดุลนัก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำเกิดสิวขึ้นบริเวณใต้คาง การกินยาสตรีจะช่วยปรับสมดุลของเพศหญิงให้เป็นปกติ ช่วยในการหมุนเวียนเลือด เมื่อระบบร่างกายดี สิวที่คางก็จะไม่เกิดขึ้น</li>
<li><b>ลดการกินเผ็ด</b>หรือรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดน้อย เพราะการทานอาหารรสจัดทำให้ลำไส้ต้องทำงานหนัก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว</li>
<li><b>เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน</b> เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของระบบย่อยอาหาร ช่วยทำให้ลำไส้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่มากขึ้น และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น</li>
<li><b>ลดละความเครียด</b> เพราะความเครียดเป็นสาเหตุในอันดับต้นๆ ที่ทำให้สิว หากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำ ฝึกการปล่อยวาง ฝึกการคิดบวกอยู่เสมอ </li>
<li><b>พยายามอย่าใช้มือท้าวคาง</b> หรือแกะ เกา ลูบคลำใบหน้า เพราะในมือของเรามีคราบสกปรก และเชื้อแบคทีเรียอยู่เป็นจำนวนมาก อาจทำให้ติดเชื้อมากขึ้น นำไปสู่การเกิดสิว</li>
<li><b>ทานอาหารที่มีฮอร์โมนน้อยลง</b> เช่น เนื้อสัตว์ ไก่ นมวัว ผลิตภัณฑ์จากนมวัว แป้งขัดขาว เบเกอรี่ การรับประทานในปริมาณที่มากและบ่อยครั้งเกินไป จะมีผลในการไปกระตุ้นฮอร์โมนให้ทำงานมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวได้</li>
<li><b>ลดการใช้เครื่องสำอาง</b>หรือการแต่งหน้าลง แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องสำอาง หรือโลชั่น ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน (oil free) หรือโลชั่นที่ระบุว่าไม่ก่อให้เกิดสิว (non-acnegenic) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedongenic)</li>
<li><b>หมั่นออกกำลังกายและไม่ควรนอนดึก</b> นอนดึกใบหน้ายิ่งโทรม ควรพักผ่อนให้เพียงพอ</li>
</ul>
การเป็น<b>สิวอักเสบที่คางหรือใต้คาง </b>สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนมากมักเป็นกับเพศหญิงจากปัญหาในเรื่องของฮอร์โมน ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2017/01/acne-on-chin-meaning-and-causes.html" target="_blank">สิวที่คาง</a>เกิดได้จากหลายเหตุปัจจัย และสิวมักจะเป็นๆ หายๆ ดังนั้น การดูแลและรักษาสิวควรทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อสิวหายแล้วก็ควรทำการป้องกันอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน เพราะสิวสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งปัจจัยจากภายในร่างกายและปัจจัยภายนอก อย่างไรก็ตาม หากใช้วิธีการต่างๆ แล้วยังไม่ได้ผล สิวไม่หาย แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเป็นการดีที่สุด เนื่องจากสิวอาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรือฮอร์โมน ซึ่งการปรึกษาแพทย์จึงเป็นทางเลือกที่ดี ปัจจุบันยังมีคลินิกรักษาสิวให้เลือกมากมายอีกด้วยAdminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-75554621720673026452017-01-19T20:59:00.002-08:002017-01-26T02:03:05.564-08:00สิวอักเสบที่แก้มเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรให้หาย?<b>สิวที่แก้ม</b> - สำหรับเพื่อนๆ ที่มักเป็นสิวอักเสบบริเวณแก้ม ไม่ว่าจะสิวที่แก้มข้างซ้ายหรือข้างขวา หรือทั้ง 2 ข้าง และมักจะเป็นซ้ำๆ บ่อยๆ ไม่หายสักที อย่าได้กังวลไปเลยค่ะ เรามีคำแนะนำดีๆ และวิธีรักษามาฝาก ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า สิวที่แก้มเกิดจากอะไร เหตุใดจึงมักเกิดสิวที่แก้มบ่อยๆ เพื่อจะได้ป้องกันและรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqPuU-VByjd9xWcObTsnGkRjELhKUW5xg_2CcRHJuqaWAhU9O79sW2T7ZfXNxql9exn2LUSAtoh9qtdq856JDFJ2G-OIiMkUSNTZdAgYfmqLsa31RUVAvlgZMJjoLlZyFAOStcSnhkMBY2/s1600/2016-12-13_100222.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="" border="0" height="227" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqPuU-VByjd9xWcObTsnGkRjELhKUW5xg_2CcRHJuqaWAhU9O79sW2T7ZfXNxql9exn2LUSAtoh9qtdq856JDFJ2G-OIiMkUSNTZdAgYfmqLsa31RUVAvlgZMJjoLlZyFAOStcSnhkMBY2/s320/2016-12-13_100222.jpg" title="สิวที่แก้ม" width="320" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000; font-size: large;">สาเหตุการเกิดสิวที่แก้ม</span></b><br />
สิวที่แก้มสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน (ทั้งปัจจัยภายในร่างกายและปัจจัยภายนอก) อาทิเช่น<br />
<ol>
<li><span style="color: blue;">เกิดจาก</span>ระบบขับของเสียภายในร่างกายทำงานได้ไม่ดี นั่นคือถ้ากระบวนการกำจัดของเสียทาง ปอด ตับ ลำไส้ใหญ่ ทำงานผิดปกติ เช่น ปัสสาวะไม่ดี อุจจาระไม่ดี (ไม่ขับถ่ายตอนเช้าบ่อยๆ) ท้องผูกเป็นประจำ ปอดขับพิษออกไม่ดี เป็นต้น ของเสียในร่างกายก็จะต้องถูกขับออกทางผิวหนังแทนในรูปของเหงื่อ และหากระบบขับของเสียทางผิวหนังทำงานได้ไม่ดีอีก ก็จะก่อให้เกิดสิวตามมา</li>
<li><span style="color: blue;">เกิดจาก</span>การที่ร่างกายกำลังพยายามกำจัดไขมันและมูกส่วนเกิน ที่มีสาเหตุมาจากการบริโภคอาหารเหล่านี้ในปริมาณที่มากเกินไป เช่น เนื้อไก่ ไข่ไก่ นม น้ำตาล ของหวาน น้ำมัน ไขมัน อาหารมันๆ </li>
<li><span style="color: blue;">เกิดจาก</span>ฮอร์โมนในตัวเราเอง สิวจะเยอะมากขึ้นในช่วงเครียด นอนดึก อดนอน ช่วงการมีประจำเดือน ช่วงวัยรุ่น</li>
<li><span style="color: blue;">สิวที่แก้มส่วนบน</span> อาจเกิดจากมีความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับไซนัสและปอด ส่วน<span style="color: blue;">สิวที่แก้มส่วนล่าง</span>อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาเกี่ยวกับเหงือกและฟัน รวมทั้งอาจเป็นเพราะสูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ แพ้ฝุ่น โรคภูมิแพ้ หรือเป็นหวัดเรื้อรัง</li>
<li><span style="color: blue;">เกิดจาก</span>ความสกปรกของเครื่องนอน ผ้าปู ปอกหมอน การใช้โทรศัพท์มือถือ การล้างเครื่องสำอางไม่หมดจด รวมทั้งอุปกรณ์แต่งหน้าไม่สะอาด </li>
<li><span style="color: blue;">เกิดจาก</span>การใช้มือสัมผัสใบหน้าบริเวณแก้มบ่อยๆ การรบกวนผิว เช็ดถูหน้าแรง </li>
</ol>
<b><span style="color: #990000; font-size: large;">วิธีรักษาสิวและการป้องกันไม่ให้เกิดสิวอักเสบที่แก้ม</span></b><br />
<ul>
<li><b>ล้างหน้าด้วยสบู่เหลวหรือเจลล้างหน้าที่ช่วยลดสิว</b> เช่น Acne-Aid Liquid Cleanser, Physiogel Cleanser, Cetaphil Gentle Skin Cleanser เป็นต้น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเพื่อแก้ปัญหาสิวโดยเฉพาะ สามารถล้างหน้าได้อย่างสะอาดหมดจด จากนั้นก็แต้มหัวสิวด้วย<b>ครีมแต้มสิว</b> ทั้งนี้แนะนำให้อ่านบทความนี้ค่ะ <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2016/09/how-to-get-rid-of-pimples.html" target="_blank">ครีมรักษาสิวตั้งแต่ต้นจนจบ</a><b> </b>ซึ่งอธิบายตั้งแต่การล้างหน้าไปจนถึงครีมรักษาสิวกันเลย </li>
<li><b>ดื่มน้ำมากๆ</b> สัก 7-9 แก้ว/วัน จะช่วยให้ระบบขับถ่ายและการขจัดของเสียในร่างกายดีขึ้น</li>
<li><b>งดอาหารทอดๆ มันๆ ของหวานจัดๆ </b>เช่น ขนมหวาน เค้ก น้ำหวาน </li>
<li><b>เน้นทานผัก ผลไม้ น้ำผลไม้เยอะๆ</b> ซึ่งประกอบด้วยวิตามินและสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย นอกจากนี้ยังช่วยให้ลำไส้ย่อยอาหารง่ายขึ้น การขับถ่ายจะดีขึ้น สิวที่แก้มจะลดลง</li>
<li><b>งดอาหารมื้อเย็น</b> โดยทานแต่น้ำผักหรือน้ำผลไม้ (เช่น น้ำผลไม้ของดอยคำ) จะช่วย Detox ระบบขับถ่ายไปในตัว </li>
<li><b>กินน้ำสมุนไพรทีมีฤทธิ์เย็น</b>เพื่อกำจัดพิษร้อน เช่น น้ำใบย่านาง น้ำรางจืด น้ำเก๊กฮวย น้ำใบเตย </li>
<li><b>ควรทำการ Detox ร่างกายบ้าง </b>หรือกินยาระบาย จะช่วยล้างสารพิษและของเสียที่สะสมหมักหมมอยู่ในลำไส้ออกไป ทำให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น และช่วยให้การดูดซึมสารอาหารของลำไส้ดีขึ้น </li>
<li><b>การอบซาวหน้าด้วยสมุนไพร</b> ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายขจัดของเสียออกทางผิวหนัง รูขุมขนได้ดีอีกทาง</li>
<li><b>หมั่นออกกำลังกาย</b>ให้ได้ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย ซึ่งดีต่อสุขภาพ อีกทั้งจะช่วยระบบหมุนเวียนเลือดและขับของเสียทางเหงื่อได้ดีขึ้น</li>
<li><b>ไม่ควรนอนดึก</b> (ควรนอนไม่เกิน 4 ทุ่ม) การนอนดึกพักผ่อนไม่เพียงพอ และการมีความเครียดจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายเป็นการกระตุ้นทำให้สิวเป็นมากขี้น</li>
<li><b>หมั่นทำความสะอาด</b>เครื่องนอน ผ้าปู ปอกหมอน รวมถึงโทรศัพท์มือถือ อยู่เสมอ</li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">อย่าลืมว่า</span> </b>โดยธรรมชาติของสิวจะเป็นๆ หายๆ ดังนั้น เมื่อสิวหายไปแล้วก็จะมีโอกาสกลับมาใหม่ ไม่มียาสิวตัวใดที่จะทำให้สิวหายขาดได้อย่างถาวร ด้วยเหตุนี้ การเป็นสิวที่แก้มหรือที่ส่วนใดๆ บนใบหน้าก็ตาม จะต้องหมั่นดูแลตัวเองทั้งภายในและภายนอก ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การกิน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของตับ ปอด ลำไล้ใหญ่ ระบบขับถ่าย ส่งผลต่อการเกิดสิวที่ใบหน้าเราโดยตรง นอกจากนี้แล้วการล้างหน้าให้สะอาดหมดจด ลดการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง ลดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ครีมรองพื้น ลดการรบกวนผิวหน้าให้มากที่สุด ก็เป็นวิธีการที่ช่วยลดการเกิด<b>สิวที่แก้ม</b>ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน<br />
<div>
<br /></div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-32480416801389298982016-12-02T22:20:00.001-08:002016-12-02T22:32:28.905-08:00รีวิวครีมรักษาสิว เจลแต้มสิวดอกดาวเรือง (Marigold Acne Gel)<b>ครีมรักษาสิว Marigold Acne Gel เจลแต้มสิวดอกดาวเรือง</b> ของจุฬาเฮิร์บ เป็นยารักษาสิวที่ราคาถูกแต่ได้ผลดี แต่ต้องใช้อย่างถูกวิธีนะ!! ไม่งั้นหน้าอาจพังได้ หลายคนคงเคยเดินผ่านเจอใน 7-11 และสงสัยว่าเจ้ายาแต้มสิวดอกดาวเรืองนี้ดีจริงไหม รักษาสิวได้ผลหรือเปล่า สิวยุบไวไหม? ราคาไม่แพงอยากจะลองซื้อมาใช้แต่ก็กลัวหน้าพัง? งั้นมาลองทำความรู้จักกับเจ้าครีมตัวนี้กัน<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1oyEtkc_rvEwclxlK0m8qPS17zYdaY8pOXzwo47kKMtFKIWlefzCvoI9A3MDjvFKDJnevjoW_mUon61sxf1AubYcD4swRJm4d7EIMjgIK2n6lpJmelL3ks2-JUtYSVQJIC6EyPEhRHbNM/s1600/Marigold+Acne+Gel2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="196" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1oyEtkc_rvEwclxlK0m8qPS17zYdaY8pOXzwo47kKMtFKIWlefzCvoI9A3MDjvFKDJnevjoW_mUon61sxf1AubYcD4swRJm4d7EIMjgIK2n6lpJmelL3ks2-JUtYSVQJIC6EyPEhRHbNM/s200/Marigold+Acne+Gel2.jpg" width="200" /></a></div>
<br />
<span style="color: #990000; font-size: large;"><b>Marigold Acne Gel เจลแต้มสิวดอกดาวเรือง คือ? </b></span><br />
<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2016/12/marigold-acne-gel.html" target="_blank">เจลแต้มสิวดอกดาวเรือง</a>พร้อมสารสกัด Glycolic acid (AHA) จากผลไม้ ซึ่งมีส่วนช่วยในการต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว พร้อมป้องกันการอักเสบของสิว และช่วยสมานรอยแผลอันเกิดจากการอักเสบของสิวอย่างได้ผล และขจัดเซลล์ผิวหมองคล้ำ เผยผิวขาวเนียน เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวตามธรรมชาติเหมาะกับทุกสภาพผิว<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ทำไมต้องสารสกัดจากดาวเรือง?</span></b><br />
สารสกัดจากดอกดาวเรือง นั้น อุดมไปด้วยสารในกลุ่ม ไตรเทอปีน ฟลาโวนอยด์ และชาโปนิน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านการเจริญเติบโต ของเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ปัจจุบันดอกดาวเรืองถูกประยุกต์มาใช้ในการรักษาบาดแผลเล็กๆ ผื่น แมลงสัตว์กัดต่อย ผิวหนังอักเสบ เพราะมีความสามารถในการต้านการอักเสบ ป้องกันไวรัส ฆ่าเชื้อ และสมานแผลได้ดี นิยมนำสารสกัดจากดอกดาวเรืองมาเตรียม เป็นผลิตภัณฑ์ใช้ทาภายนอกและ เครื่องสำอาง สำหรับการรักษาการอักเสบ ของผิวหนัง รักษาปัญหาสิว และแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
ใน 1 ซอง ประกอบด้วยส่วนผสมหลักๆ ดังนี้<br />
<ul>
<li>สารสกัดจากดอกดาวเรือง </li>
<li>AHA (Alphahydroxy acid) จากกรดผลไม้ </li>
<li>BHA (Beta Hydroxy Acid) </li>
<li>Aloe Vera Extract</li>
<li>Vitamin C</li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">วิธีใช้</span></b><br />
<ul>
<li>หลังล้างหน้า ทาครีมบางๆ ทั่วบริเวณที่เป็นสิว โดยทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วล้างออก อย่าทิ้งไว้นานกว่านี้จะทำให้หน้าแห้ง หน้าลอก แสบแดงหรือไหม้ได้ โดยเฉพาะคนที่ผิวบอบบาง แพ้ง่าย </li>
<li>หรือจะใช้แต้มบางๆ ตรงหัวสิว (แต้มเฉพาะตรงตุ่มสิว) ทิ้งไว้สัก 1-2 ชั่วโมง แล้วค่อยล้างออกก็ได้ อย่าทิ้งไว้ทั้งคืน </li>
</ul>
<span style="color: blue; font-size: large;"><b>ประสบการณ์การใช้เจลแต้มสิวดอกดาวเรือง</b></span><br />
<ul>
<li>ตัวยาเมื่อบีบออกมาจะเป็นเจลใส สีเหลืองอ่อนๆ และมีกลิ่นแรง (แต่ไม่ถึงกับเหม็น) เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม</li>
<li>ส่วนตัวใช้ทาบางๆ ที่หัวสิว ตอนทาไม่มีอาการแสบคัน แต่บางคนที่ผิวบอบบาง ทาแล้วอาจจะรู้สึกแสบนิดๆ ในช่วงแรก </li>
<li>สิวอักเสบมีหัวหนองยุบในประมาณ 1-2 วัน รู้สึกว่าใช้ได้ดีในระดับหนึ่ง ผิวไม่ลอก ไม่มีรอยดำหลังสิวหาย</li>
<li>ข้อแนะนำสำหรับคนผิวบอบบางหรือคนที่ทาแล้วแสบแดง แห้ง ลอก หรือผิวไหม้ ให้ทาด้วยเจลว่านหางจระเข้ จะช่วยบรรเทาอาการได้</li>
</ul>
โดยสรุปแล้ว <span style="color: #990000;">Marigold Acne Gel เจลแต้มสิวดอกดาวเรือง</span> ถือเป็นอีกหนึ่งยารักษาสิวอักเสบที่น่าสนใจเพราะมีที่ราคาถูก (ราคาประมาณ 39 บาท ซื้อได้ตาม 7-11 ) แต่รักษาสิว สิวยุบเห็นผลเหมือนกัน แต่เนื่องจากตัวยาค่อนข้างแรง การใช้ควรระมัดระวัง ทายาทิ้งไว้แล้วอย่าเผลอหลับหรือลืมล้างออกนะคะ!!! ใบหน้าอาจจะลอก แสบแดงและไหม้ได้Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-13387217975575080372016-10-21T01:57:00.001-07:002016-10-21T02:44:00.775-07:009 ครีมแต้มสิวอักเสบ ยาแต้มสิวที่ได้ผลดี สิวยุบไว <div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">เพื่อนๆ ที่มีปัญหาสิวอักเสบ สิวหัวหนอง สิวบวมแดง รบกวนใบหน้า กำลังมองหาครีมแต้มสิวหรือยาทารักษาสิวให้สิวยุบหายโดยเร็ววัน แต่หลายคนมีความลังเลว่า จะใช้ครีมแต้มสิวแบบไหนดี? ยี่ห้อไหนดี? ครีมตัวไหนทาแล้วได้ผลดีสุด? ครีมไหนสิวยุบไวชั่วข้ามคืน? ไม่ต้องห่วงค่ะ บทความนี้จะช่วยให้ท่านสามารถเลือกซื้อหาผลิตภัณฑ์รักษาสิวอักเสบที่เหมาะกับท่านและช่วยแก้ปัญหาสิวที่รบกวนใบหน้าและจิตใจท่านได้อย่างแน่นอน </span><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"> </span></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiy02rJqvws5Y3tnl82lSu_bq8wVyPeTbVKJRp7S-_5R_Y3JoUb4eXM1wTZp0jOxVIUmybJzGHMqCkYl3pFQj2HN59jSPPWL9OUbZv5PkIXSp0WfL2FkwYEuwf134K8py77EU4HWmoHJVIt/s1600/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7+%25282%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><img alt="" border="0" height="216" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiy02rJqvws5Y3tnl82lSu_bq8wVyPeTbVKJRp7S-_5R_Y3JoUb4eXM1wTZp0jOxVIUmybJzGHMqCkYl3pFQj2HN59jSPPWL9OUbZv5PkIXSp0WfL2FkwYEuwf134K8py77EU4HWmoHJVIt/s320/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7+%25282%2529.jpg" title="ครีมแต้มสิว" width="320" /></span></a></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<b style="color: blue; font-size: x-large;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">แนะนำครีมแต้มสิวยอดนิยม</span></b></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">ครีมแต้มสิวเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีในการรักษาสิว ด้วยราคาที่ไม่แพง หาซื้อได้ง่าย และสะดวกต่อการใช้งาน โดยสรรพคุณหลักๆ ของครีมเหล่านี้ คือ ใช้แต้มสิวเพื่อลดอาการอักเสบ ยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียบนผิวหน้า ลดการบวมแดงของสิว ช่วยให้สิวยุบไว หัวสิวแห้ง สมานรอยแผลสิว นอกจากนี้ครีมแต้มสิวบางตัวยังใช้ได้กับสิวอุดตัน สิวเสี้ยน หรือแม้แต่ช่วยลดรอยด่างดำจากสิวได้อีกด้วย สำหรับยาทาสิวหรือครีมแต้มสิวอักเสบที่มีจำหน่ายในท้องตลาดที่ใช้แล้วเห็นผลเป็นที่พอใจ สิวยุบไวในชั่วข้ามคืน มีดังนี้ </span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="color: #990000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>1.TOMEI</b></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">สามารถแต้มได้ทั้งสิวอักเสบ สิวเป็นหนอง สิวเม็ดเล็กแดงๆ สิวอุดตัน ให้ผลค่อนข้างดีทีเดียว สิวยุบไวใน 1-2 วัน เนื้อครีมเกาะผิวได้ดี เนื้อครีมบาง ซึมซาบเร็ว สามารถแต่งหน้าทับแล้วไม่เกิดคราบ ตัวยาไม่มีอาการแสบ ไม่คัน ไม่กลิ่นเหม็น ผิวบริเวณที่แต้มสิวนั้นจะไม่ลอก นอกจากสรรพคุณช่วยอาการอักเสบบวมแดงของสิวแล้วยังช่วยลดการเกิดรอยแผลเป็นทั้งรอยดําและรอยแดงที่เกิดจากสิว ช่วยสมานผิวและกระชับรูขุมขนเพื่อให้ผิวเรียบเนียน</span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>ราคา</b> โทเมอิครีม (TOMEI Anti-Acne Cream) หลอดละประมาณ 160-180 บาท ส่วนโทเมอิเจล (TOMEI Clindai Gel) หลอดละ 65 บาท มีขายใน 7-11 และร้านขายยาทั่วไป</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjIHfQ1L7jOjN7lRcpad4OFj3H0G42bL7wiNfFNUNtB2XHabQn7GUwo1YTQUZw-FO6V0rrq8ZQoOEH_LUv518X5jLoFLn5Kh4eWcpHtyL5IlXXZAFxUa0qHEu7g7xhAIUESstucC2ZqEsB8/s1600/tomei.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><img border="0" height="121" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjIHfQ1L7jOjN7lRcpad4OFj3H0G42bL7wiNfFNUNtB2XHabQn7GUwo1YTQUZw-FO6V0rrq8ZQoOEH_LUv518X5jLoFLn5Kh4eWcpHtyL5IlXXZAFxUa0qHEu7g7xhAIUESstucC2ZqEsB8/s320/tomei.png" width="320" /></span></a></div>
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="color: #990000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>2.Thursday Plantation Tea Tree Acne Gel</b></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">เป็นเจลแต้มสิวจากส่วนผสมของน้ำมันทีทรีบริสุทธิ์ ลดสาเหตุของการเกิดสิว ลดการอักเสบ ช่วยให้สิวแห้งและหายเร็วขึ้น สิวยุบไวเหมือนกัน 1-2 วัน รอยแดงลดลง แถมสิวหายไม่เป็นรอยดำ ตอนทาจะรู้สึกเย็นๆ ตัวยาจะมีกลิ่นสมุนไพร (อาจเหม็นสำหรับบางคน แต่บางคนก็ว่าหอมกลิ่นสมุนไพร) </span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>ราคา</b> Thursday Plantation Tea Tree Acne Gel ขนาด 10 G. ราคาประมาณ160-190 บาท ซื้อได้ที่วัตสัน</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgDuirNSbKsJqsUXOSfARCK8n6bKHI_uaJ0j6N8MKyhID6Gn6Y0Euw72a5Dk4oraab3hHtlNNEaPXccab_RyJ51ytgI9PfZCdrGaJ85fFvhXYoh5iJapVgwzohVn6cG5IzvKQRrtRyYHUHj/s1600/Thursday+Plantation+Tea+Tree+Acne+Gel.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><img border="0" height="234" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgDuirNSbKsJqsUXOSfARCK8n6bKHI_uaJ0j6N8MKyhID6Gn6Y0Euw72a5Dk4oraab3hHtlNNEaPXccab_RyJ51ytgI9PfZCdrGaJ85fFvhXYoh5iJapVgwzohVn6cG5IzvKQRrtRyYHUHj/s320/Thursday+Plantation+Tea+Tree+Acne+Gel.jpg" width="320" /></span></a></div>
</div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="color: #990000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b><br /></b></span>
<span style="color: #990000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>3.ครีมแต้มสิวภูมิพฤกษา 15</b></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">เป็นครีมแต้มสิวจากสารสกัดจากธรรมชาติ (สกัดจากชะเอมเทศ+ว่านหางจรเข้+เปลือกมังคุด) เนื้อครีมแบบเจลขาวขุ่นใช้ทาแต้มตรงสิว ช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้หัวสิวแห้ง สิวยุบ แผลสิวจะไม่ดำ สมานรอยแผลสิวได้ดี สิวยุบไว 1-3 วัน แต่จะรู้สึกแสบเล็กน้อยตอนทา และสังเกตว่า สิวอักเสบที่กดเอาหัวออกแล้วแต้มสิวด้วยเจลภูมิพฤกษาจะได้ผลดี สิวยุบเร็วขึ้น แต่ถ้าสิวที่หัวยังไม่แตกก็จะเห็นผลเช่นกันแต่ช้ากว่านิดหนึ่ง ยานี้เวลาตัวเจลแห้งหรือซึมเข้าสู่ผิวจะมีรอยคราบเป็นขุยแห้งบริเวณที่ทา บางทีก็เคลือบผิวจะรู้สึกตึงที่ผิวหน้า ยานี้น่าจะเหมาะกับใช้ทากลางคืนก่อนนอนมากกว่า เพราะถ้าทาตอนเช้าแล้วทาแป้งทับก็จะเป็นขุยที่ใบหน้า</span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>ราคา</b> ขนาด 15 กรัม ราคาประมาณ 75 บาท หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้า ร้านขายยาทั่วไป และร้านสะดวกซื้อ 7-11 ก็มีขายแล้วเช่นกัน</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiuKskhKihkBUG77t2nk8w7oEJRDp5OrJlWJI9itQixndg58y9JjsOWt5U5UmQrjnXs8AaLvhBLrbcdGzUyOGM04ufGaNH-5-8cB7wGhQvY6t83GrinXuAlM2MYnKrkmVIWV5eor6Ym4NS4/s1600/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A4%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A9%25E0%25B8%25B2+15.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiuKskhKihkBUG77t2nk8w7oEJRDp5OrJlWJI9itQixndg58y9JjsOWt5U5UmQrjnXs8AaLvhBLrbcdGzUyOGM04ufGaNH-5-8cB7wGhQvY6t83GrinXuAlM2MYnKrkmVIWV5eor6Ym4NS4/s320/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A4%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A9%25E0%25B8%25B2+15.jpg" width="307" /></span></a></div>
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="color: #990000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>4.Marigold Acne Gel เจลแต้มสิวดอกดาวเรือง</b></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">ครีมรักษาสิว Marigold Acne Gel เจลแต้มสิวดอกดาวเรือง ของจุฬาเฮิร์บ เป็นยารักษาสิวที่น่าสนใจ เพราะราคาถูกเพียงซองละ 39 บาท แต่มีประสิทธิภาพที่ดี สิวยุบหายใน 1-3 วัน ตัวยาจะเป็นเจลใสๆ สีเหลืองอ่อน มีกลิ่นแต่ไม่แรงมาก ทาแล้วแสบเล็กน้อยในช่วงแรก โดยใช้ทาแต้มหัวสิว ทิ้งไว้ 15-30 นาที แล้วล้างออก</span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>ราคา</b> ซองละ 39 บาท ซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ 7-11</span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjfKzyliCgexWCeMD9prCMAxrWckwnlK8X-uCZuGcDhjRlp5afxnLGFpDgvp0wQC7UHjcBWyaDOD2-LGNuQNb1eiM9satAmXahW_VbM1NhmSHjZQNtVwpSqX-cs0nzOCWD3DF_0G6DzaksT/s1600/Marigold+Acne+Gel+%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><img border="0" height="236" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjfKzyliCgexWCeMD9prCMAxrWckwnlK8X-uCZuGcDhjRlp5afxnLGFpDgvp0wQC7UHjcBWyaDOD2-LGNuQNb1eiM9satAmXahW_VbM1NhmSHjZQNtVwpSqX-cs0nzOCWD3DF_0G6DzaksT/s320/Marigold+Acne+Gel+%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587.jpg" width="320" /></span></a></div>
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="color: #990000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>5.Benzac AC</b></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">ครีมรักษาสิวอักเสบตัวนี้สามารถใช้กับสิวทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวไม่มีหัว สิวฮอโมน สิวเม็ดแดงเล็กๆ โดยยานี้ทำหน้าที่ในการฆ่าเชื้อโรค P. Acne ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวอักเสบ วิธีใช้คือ ใช้ Benzac AC (ที่มีความเข้มข้น 5%) แต้มที่หัวสิว เวลาทายานี้จะรู้สึกแสบๆ ใบหน้าเล็กน้อย แต้มทิ้งโดยไม่ต้องล้างออก ตัวยาจะมีกลิ่นแรงนิดหนึ่ง และเป็นยาที่ออกฤทธิ์แรง คนที่มีผิวแพ้ง่ายอาจจะเกิดอาการระคายเคืองได้ ซึ่งกรณีคนที่ผิวบอบบาง แพ้ง่าย ควรเลือกใช้ Benzac AC ที่มีความเข้มข้น 2.5% แทน ครีมนี้ไม่ควรทาทั้งหน้าเพราะจะทำให้หน้าลอกไหม้ได้ หากจะทาทั้งหน้าก็ทาทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างน้ำออก ดูวิธีใช้งานที่บทความนี้ การใช้ครีม Benzac AC</span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>ราคา</b> ขนาด 15 กรัม ราคาประมาณ 130-145 บาท</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEbo94ZWIr7vbQHlJR0vbdU24pRJehcXYkOxuw_KPzhkqY9UwS6we1BeWP8JHS7qAvBH-4pDw9B17krM-3R3060LURvol6g6QqH7G9iMZoltTZTii_0kp10WkUv3j4Cd6D7_dsIYRprOyt/s1600/Benzac+AC.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEbo94ZWIr7vbQHlJR0vbdU24pRJehcXYkOxuw_KPzhkqY9UwS6we1BeWP8JHS7qAvBH-4pDw9B17krM-3R3060LURvol6g6QqH7G9iMZoltTZTii_0kp10WkUv3j4Cd6D7_dsIYRprOyt/s1600/Benzac+AC.jpg" /></span></a></div>
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="color: #990000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>6.Smooth E Acne Hydro Gel</b></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">ตัวเนื้อเจลขาวขุ่น ซึมซาบได้เร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองใดๆ กับผิว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นครีมแต้มสิวที่ช่วยลดการเกิดสิวอักเสบ สิวหนอง สิวบวมแดง สิวอุดตัน ตอนทาสิวจะรู้สึกแสบนิดๆ แสบเพียงแป็บเดียว สิวยุบใน 2-3 วัน</span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>ราคา</b> ขนาด 7 กรัม ราคาประมาณ 140 บาท</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKCe3Ysdzjk54kmurfGd76RwFHe4QL2OsixbD03cForqMyHdRG-Ad3AEhrwp8wlhE6xs7WmZAMWr6bNQE2HvIIKLjv5DFzsfMs5FKEQap8PqvLwt2pc6dOP11VpZ-Hy_BffINU_QZ6659j/s1600/smooth+e+acne.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKCe3Ysdzjk54kmurfGd76RwFHe4QL2OsixbD03cForqMyHdRG-Ad3AEhrwp8wlhE6xs7WmZAMWr6bNQE2HvIIKLjv5DFzsfMs5FKEQap8PqvLwt2pc6dOP11VpZ-Hy_BffINU_QZ6659j/s1600/smooth+e+acne.jpg" /></span></a></div>
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="color: #990000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>7.คลินดาลินเจล (clindalin gel)</b></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">คลินดาลินเจล เป็นครีมแต้มสิวเนื้อเจลใสๆ ใช้แต้มสิว ช่วยฆ่าเชื้อสิว ช่วยให้สิวยุบเร็วใน 2-3 วัน ลดการเกิดสิว ตัวยากลิ่นไม่แรง และไม่แสบผิว บางคนก็เอาครีมดาลินเจลทาแต้มสิวแล้วทาครีม Benzac AC แต้มทับอีกที ก็มีเหมือนกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สิวยุบไว้ขึ้น</span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>ราคา</b> ครีมคลินดาลินเจล ขนาด 5g ราคาประมาณ 45-60 บาท</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjn2luMNfzQAhHDnKWDUpryJWhyphenhyphenucPb7trehfTAtXx9_ZZBUPOaY5qWfoD-WGNNhx5ZyI7iRSlJRBwiCRSXbrTn48yLF8chRrG-eE3nDGsg_LTjfEHGJnVED_9hidJ_i5mYikxJvO3l_pw9/s1600/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25A5+%2528clindalin+gel%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjn2luMNfzQAhHDnKWDUpryJWhyphenhyphenucPb7trehfTAtXx9_ZZBUPOaY5qWfoD-WGNNhx5ZyI7iRSlJRBwiCRSXbrTn48yLF8chRrG-eE3nDGsg_LTjfEHGJnVED_9hidJ_i5mYikxJvO3l_pw9/s1600/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25A5+%2528clindalin+gel%2529.jpg" /></span></a></div>
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="color: #990000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>8.คลินดาเอ็ม(Clinda M)</b></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">คลินดา เอ็ม (Clinda-M) มียา Clindamycin 1% เป็นส่วนประกอบหลักตัวยาจะอยู่ในรูปของน้ำใสๆ ใช้แต้มบริเวณสิวอีกเสบหรือสิวหัวหนอง จะช่วยฆ่าเชื้อสิวและทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น หายเร็วขึ้น ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังสิวหาย แต่จะมีกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์นิดหน่อย ประสิทธิภาพของครีมนี้จะใกล้เคียงกับคลินดาลินเจล (clindalin gel)</span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>ราคา</b> คลินดาเอ็ม(Clinda M) ขนาด 15ml ราคาประมาณ 50-60 บาท</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCrDymTnq466JDmVTo2Um-Gzi9lixzsMESHKIwD_9vaPjmMslQXwlqsK4uhhWsc6tycKD6Wzor3xBIT5sk_iDXA_oS32xf6u8u0Q_kDa5aJAjSY9uxRs8qBw7QuscYbKl5G6nfyWxDU9BW/s1600/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AD%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%25A1%2528Clinda+M%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCrDymTnq466JDmVTo2Um-Gzi9lixzsMESHKIwD_9vaPjmMslQXwlqsK4uhhWsc6tycKD6Wzor3xBIT5sk_iDXA_oS32xf6u8u0Q_kDa5aJAjSY9uxRs8qBw7QuscYbKl5G6nfyWxDU9BW/s1600/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AD%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%25A1%2528Clinda+M%2529.jpg" /></span></a></div>
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="color: #990000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>9.Fucidin</b></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">เป็นครีมแต้มสิวที่เป็นยาฆ่าเชื้อ ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง เนื้อครีมที่ข้น หนืด และหนัก อีกทั้งยังมีกลิ่นที่แรงใช้ได้ ใช้ทาสิวอักเสบ สิวมีหนอง (แต่ถ้าสิวแบบมีหนองหากเอาหนองทิ้งก่อน แต้มไว้สิวจะยุบเร็วขึ้น) เป็นครีมที่ออกฤทธิ์แรง เหมาะที่จะใช้แต้มสิวเท่านั้น ไม่ควรทาทั่วหน้า คนที่ผิวแพ้ง่ายอาจจะเกิดอาการระคายเคืองได้ ผิวแสบแดงและไหม้ได้</span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>ราคา </b>ครีม Fucidin ราคาประมาณ 100 บาท</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhT_tQP0FirN3edBTH6Xf48HVCetCbJRyJ5RKYZsiAmv3UWSmb9IrJyNcCQtu7fkwMyQ_Q5G7afzoaqx9GstI-_swpBQs3zEwl3vHsHNy2A4G-KYtrq-ERqdJzSvZ3kDFTxQKZmQqZRyMm4/s1600/Fucidin.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><img border="0" height="136" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhT_tQP0FirN3edBTH6Xf48HVCetCbJRyJ5RKYZsiAmv3UWSmb9IrJyNcCQtu7fkwMyQ_Q5G7afzoaqx9GstI-_swpBQs3zEwl3vHsHNy2A4G-KYtrq-ERqdJzSvZ3kDFTxQKZmQqZRyMm4/s320/Fucidin.png" width="320" /></span></a></div>
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="color: blue; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>ครีมแต้มสิวไหนดี?<span style="font-size: large;"> </span></b></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">ครีมแต้มสิวทุกตัวล้วนสามารถช่วยลดปัญหาเรื่องสิวได้ แต่หากถามว่าครีมตัวไหนดีที่สุด อันนี้ตอบยากเพราะสภาพผิวใบหน้าของแต่ละคนแตกต่างกันไป หากลองค้นหาใน google หรือตามเว็บบอร์ดต่างๆ เช่น Pantip.com หรือ Jeban.com จะพบว่า แต่ละคนก็แนะนำครีมยี่ห้อต่างๆ แตกต่างกันไป ซึ่งบางที่อาจต้องทดลองใช้ด้วยตนเองเป็นดีที่สุดจึงจะรู้ว่าตัวไหนเหมาะกับเรา </span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>คำแนะนำเกี่ยวกับครีมแต้มสิว</b></span></div>
<div class="MsoNormal" style="text-align: left;">
</div>
<ul>
<li><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">ครีมแต้มสิวบางชนิดบางยี่ห้อใช้แต้มเฉพาะจุด (เฉพาะเม็ดสิว) เท่านั้น ไม่ควรทาทั้งหน้า</span></li>
<li><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">การใช้ครีมแต้มสิวติดต่อกันนานๆ สามารถใช้ได้ในบางกลุ่มเท่านั้น แต่บางกลุ่มก็ไม่สามารถใช้ต่อเนื่องได้ เช่น กลุ่มยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อโรค ควรใช้เพียงรักษาสิวให้หายแล้วหยุดทันที เพราะจะทำให้เกิดการดื้อยาตามมา </span></li>
<li><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">ไม่ควรใช้ยาแต้มสิวติดต่อกันทุกวัน คือควรเว้นช่วงบ้าง เพราะบางตัวอาจมีส่วนผสมของกลุ่มยาผลัดผิวเซลล์ หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวบาง ผิวแห้ง แสบ แดง ได้ </span></li>
</ul>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-33685256877496019002016-09-03T08:21:00.000-07:002017-01-19T21:16:40.416-08:00ครีมรักษาสิว ยารักษาสิว วิธีรักษาสิวอักเสบให้หายขาดไม่กลับมาเป็นอีกเพื่อนๆ ที่มีปัญหาสิวรบกวนจิตใจและใบหน้า ทั้งสิวอักเสบ สิวบวมแดง สิวหัวหนอง หรือสิวอักเสบไม่มีหัวก็ตาม ลองนำ<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/" target="_blank">สูตรรักษาสิว</a>นี้ไปใช้ดูนะคะ โดยส่วนตัวใช้วิธีนี้แล้วได้ผลดีเป็นที่พอใจ สิวหายเกลี้ยง วิธีนี้ใช้<b>ครีมรักษาสิว</b>ไม่กี่ตัวก็เอาอยู่ค่ะ ก่อนอื่นไปดูขั้นตอนวิธีการรักษาสิวกันก่อนค่ะ จากนั้นจะพูดถึงรายละเอียดของ<u>ครีมหรือยารักษาสิว</u>แต่ละตัวที่ใช้ <br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-fEDITY4KtuDk2VJUz2LpCVHAL5fz_zq5wOhVYZj6JnS26XriC-6KZAiW7NOAwpdy1STwUcgnT-HQH86EuivkE35if6q0NBKtbJtcc_Om9ebVIfxXRDhi2CEFJ0bp3FkMRYCF-U2oTDVS/s1600/2016-09-24_210822.png" imageanchor="1"><img alt="" border="0" height="285" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-fEDITY4KtuDk2VJUz2LpCVHAL5fz_zq5wOhVYZj6JnS26XriC-6KZAiW7NOAwpdy1STwUcgnT-HQH86EuivkE35if6q0NBKtbJtcc_Om9ebVIfxXRDhi2CEFJ0bp3FkMRYCF-U2oTDVS/s320/2016-09-24_210822.png" title="ครีมรักษาสิวอักเสบ" width="320" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />
<b><span style="color: #990000; font-size: large;">สรุปขั้นตอนรักษาสิวอักเสบ</span></b><br />
<b><br /></b>
<b><span style="color: blue;">ช่วงเช้า</span></b><br />
<ul>
<li>ล้างหน้าด้วยสบู่เหลว <b>ACNE-AID liquid cleanser</b> </li>
<li>หลังล้างหน้าเสร็จ เช็ดหน้าให้สะอาดแล้วทา <b>AloeGel (เจลว่านหางจระเข้)</b> เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า </li>
<li>แต้มหัวสิวด้วย<b>ครีมแต้มสิว</b> </li>
<li>หากต้องออกแดดบ่อยๆ ให้ทาครีมกันแดด โดยเลือกครีมที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันหรือเพิ่มความมันบนใบหน้า</li>
</ul>
<b><span style="color: blue;">ช่วงเย็น</span></b><br />
<ul>
<li>ก่อนล้างหน้าในตอนเย็น ทา <b>BENZAC AC</b> 5% (หรือ 2.5% สำหรับคนผิวบอบบาง แพ้ง่าย) ทายาบางๆ ทั่วใบหน้าหรือเฉพาะบริเวณสิว ทาทิ้งไว้นาน 5-10 นาที </li>
<li>จากนั้นล้างหน้าด้วย <b>ACNE-AID liquid cleanser</b> </li>
<li>หลังล้างหน้าเสร็จ เช็ดหน้าให้สะอาดแล้วทา <b>AloeGel (เจลว่านหางจระเข้)</b> เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า </li>
<li>แต้มหัวสิวด้วย<b>ครีมแต้มสิว</b></li>
</ul>
<span style="color: #cc0000;">***</span><b><span style="color: blue;">เมื่อสิวลดลงหรือหายเป็นสิวแล้ว</span></b> ก็ไม่ต้องทา <b>BENZAC AC </b>ต่อนะคะ แค่ล้างหน้าด้วยสบู่เหลว<b> ACNE-AID liquid cleanser </b>ในทุกเช้า-เย็นก็พอ และก็ทาครีมบำรุงผิวหน้าตามปกติค่ะ<br />
<br />
คราวนี้ลองมาดู<b>รายละเอียดของครีมรักษาสิว</b>แต่ละตัวที่ใช้กันค่ะ<br />
<br />
<span style="color: #990000;"><b>1.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>ACNE-AID liquid cleanser</b></span><br />
ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า Acne-aid (สีแดง) ตัวนี้แนะนำเลยค่ะ ใช้ดีมาก และยังได้รับความนิยมใช้กันค่อนข้างมาก เหมาะกับผู้มีปัญหาสิว ผิวแพ้ง่าย สามารถความสะอาดผิวหน้าล้ำลึก อ่อนโยนต่อผิวมัน และผิวผสม โดยไม่ทำให้ผิวแห้งจนเกินไป สามารถใช้ร่วมกับยารักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br />
โดยตอนล้างหน้าจะรู้สึกลื่นๆ แต่สะอาดหมดจดแน่นอนค่ะไม่ต้องกังวล หลังล้างเสร็จจะรู้สึกชุ่มชื่นดี ครีมล้างหน้า <b>Acne-aid </b>จะมีให้เลือก 2 สูตร โดย Acne aid สีแดง สำหรับคนผิวมัน และผิวผสม ส่วนสูตร Gental (สีฟ้า) สำหรับคนผิวบอบบาง ผิวแห้ง แพ้ง่าย นอกจากนี้แล้ว ยังมีครีมล้างหน้าที่อ่อนโยนเหมาะกับผู้เป็นสิว ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน คือ <b>Cetaphil </b>และ<b> Physiogel </b><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiPYaeauqV1iAF6N5I1jbu_qBRdBzO6iwAlyLKyq_thBjfAkX-U7Q6YFsmalAPqgygZkMChDFrfwKarwXBaXKbrD8Y5wKl3UkYSIUMmG7nPEA9zZw_eJQMplvNUNtsdkRSo4I7fGmOT6Son/s1600/ACNE-AID+liquid+cleansing2.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiPYaeauqV1iAF6N5I1jbu_qBRdBzO6iwAlyLKyq_thBjfAkX-U7Q6YFsmalAPqgygZkMChDFrfwKarwXBaXKbrD8Y5wKl3UkYSIUMmG7nPEA9zZw_eJQMplvNUNtsdkRSo4I7fGmOT6Son/s320/ACNE-AID+liquid+cleansing2.png" width="291" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">2.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>BENZAC AC</span></b><br />
สำหรับ BENZAC AC เป็นยาทารักษาสิวอักเสบ มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งหรือฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acne ที่เป็นต้นเหตุการเกิดสิว และตัวยามีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว สามารถช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้ด้วย ใช้ทาก่อนล้างหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที (หากทาทิ้งไว้นานเกินไปผิวอาจแสบแดงได้) โดยทาบางๆ ทั่วใบหน้าหรือเลือกทาเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวก็ได้ สามารถทาได้ทั้งตอนเช้าและเย็น ยา BENZAC AC มีขนาดความเข้มข้นให้เลือก 2 ขนาดคือ 2.5% และ 5% ถ้าเป็นคนผิวธรรมดาหรือผิวหน้ามัน ไม่แพ้ง่าย เลือกใช้ Benzac ac 5% ส่วนถ้าเป็นคนผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง แห้งง่าย แสบลอกง่าย ควรใช้ Benzac ac ที่ความเข้มข้น 2.5% ดูวิธีการรักษาสิวด้วย BENZAC AC อย่างละเอียดได้ที่บทความนี้ <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2016/08/how-to-use-benzac-ac.html"><i><b>http://acnecaresite.blogspot.com/2016/08/how-to-use-benzac-ac.html</b></i></a><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhSPSxTDiYPw1WhtR9KcIB-afpRILrGuq0LHEqu5ZSJ7AONjNPMUmrE3QVuOCPsSKr6g5YddZZW9q0ZsJDGJERfGpgiz2OJU-DSKSSAScOdYAwt1VGtLfvphALxSgyDOIJOymuuAtW8rjRh/s1600/benzac+ac2.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="281" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhSPSxTDiYPw1WhtR9KcIB-afpRILrGuq0LHEqu5ZSJ7AONjNPMUmrE3QVuOCPsSKr6g5YddZZW9q0ZsJDGJERfGpgiz2OJU-DSKSSAScOdYAwt1VGtLfvphALxSgyDOIJOymuuAtW8rjRh/s400/benzac+ac2.png" width="400" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<b><span style="color: #990000;">3.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>AloeGel (เจลว่านหางจระเข้) </span></b><br />
สรรพคุณหลักของตัวยา คือ ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ในที่นี้เราใช้ทาเพื่อรักษาผิวอักเสบจากรอยแผลสิว อาการแสบแดงเวลาใช้ Benzac และเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ตัวเจลซึมเข้าผิวง่ายหน้าไม่เหนียวเหนอะหนะค่ะ แนะนำให้เลือกยี่ห้อที่ปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอร์นะคะ เช่น เจลว่านหางจระเข้ขององค์การเภสัช หรือยี่ห้อ Burnova GEL ก็ได้ค่ะ ต่างกันที่ขององค์การเภสัชจะมีกลิ่นฉุนกว่าเล็กน้อย<br />
นอกจากนี้ หากไม่สะดวกทาเจลว่านหางจระเข้ สามารถใช้ครีมบำรุงผิวพวกเซรั่ม หรือ มอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชิ้นให้ผิวหน้าแทนได้<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWepTmifw2UKCOmgMkNJOdvDAHl9Y5WVJ6bf8Gy4dyBJRITTEJO8EzKj2WaL6stasYJgk5EJ0CJqpQ28OqmDe-0_2ppfuw_CT_4f-bJAbWR1cBRiUQSwwI5JE9cbrC2KB8Nao8rcyqGZ6o/s1600/AloeGel.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="123" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWepTmifw2UKCOmgMkNJOdvDAHl9Y5WVJ6bf8Gy4dyBJRITTEJO8EzKj2WaL6stasYJgk5EJ0CJqpQ28OqmDe-0_2ppfuw_CT_4f-bJAbWR1cBRiUQSwwI5JE9cbrC2KB8Nao8rcyqGZ6o/s400/AloeGel.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">4.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>ครีมแต้มสิว</span></b><br />
ครีมแต้มสิวที่มีหลายยี่ห้อให้เลือกด้วยกัน เช่น <b>Clinda M, TOMEI, Smooth E Acne Hydro Gel, Clindalin Gel, ภูมิพฤกษา 15, Fucidin</b> เป็นต้น นอกจากนี้ ยา Benzac AC ยังสามารถนำมาทาแต้มหัวสิวทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างออกได้เช่นกัน บางคนก็ทา Clinda M หรือ Clindalin Gel แล้วทา Benzac AC แต้มทับไปอีกก็มี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ<br />
<br />
ดูรีวิวในบทความ <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2016/10/best-anti-acne-cream.html" target="_blank">แนะนำ 9 ครีมแต้มสิวสิวยุบไว</a><br />
เนื่องจากแต่ละคนมีสภาพผิวที่ต่างกัน อาจเหมาะกับครีมแต้มสิวที่ต่างกันไป<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj37hJuLFe5ycZBtvVrM7ljUwxEdL03i-dqe2FGhibo8_PJInKzClsBhVZf-vhrIA8SEDPtyhznwFwsyR8B1n5p9RFXK46EYA038qTlIMcPbGaqBsIOQZS_YlpCxfiz8lsnFVnzdcuMJFfP/s1600/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="" border="0" height="351" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj37hJuLFe5ycZBtvVrM7ljUwxEdL03i-dqe2FGhibo8_PJInKzClsBhVZf-vhrIA8SEDPtyhznwFwsyR8B1n5p9RFXK46EYA038qTlIMcPbGaqBsIOQZS_YlpCxfiz8lsnFVnzdcuMJFfP/s400/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7.jpg" title="ครีมแต้มสิว" width="400" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div>
<div>
<b><span style="color: blue; font-size: large;">ข้อปฏิบัติง่ายๆ ที่ช่วยลดสิวได้เป็นอย่างดี</span></b></div>
<ul>
<li>พยายามอย่าไปลองใช้ครีมอะไรเยอะ โดยเฉพาะครีมที่ขายตามเน็ตตามเฟสบุคที่ไม่น่าเชื่อถือ จะยิ่งไปอุดตันในรูขุมขนหรือก่อเกิดการระคายเคืองผิว การแพ้ครีม สิวจะยิ่งเห่อ </li>
<li>ใช้ผ้าที่สะอาดในการเช็ดหน้าหรือใช้วิธีซับด้วยกระดาษเช็ดหน้าที่สะอาด </li>
<li>อย่าบีบสิว แกะสิว อย่าใช้มือสัมผัสใบหน้าถ้าไม่จำเป็น เพราะจะยิ่งก่อสิว </li>
<li>หลีกเลี่ยงอาหารมันๆ ควรเน้นทานผัก ผลไม้ และดื่มน้ำ 7-8 แก้วต่อวัน </li>
<li>หมั่นออกกำลังกาย 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นผลดีต่อร่างกายหลายด้าน</li>
<li>พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึก (ควรนอนไม่เกิน 4 ทุ่ม) ยิ่งนอนดึก หน้ายิ่งโทรม สิวยิ่งผุด </li>
<li>ความเครียดส่งผลให้เกิดสิว ใบหน้าหมองคล้ำได้เช่นกัน หมั่นปล่อยวางและคิดบวกอยู่เสมอ</li>
<li>ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหากไม่จำเป็น</li>
</ul>
<div>
สุดท้ายนี้ก็หวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ ขออวยพรให้ทุกท่านสามารถ<b>รักษาสิวอักเสบ</b>ให้หาย มีใบหน้าสดใสไร้สิวกันค่ะ อีกข้อที่อยากแนะนำเพิ่มเติม คือ หมั่นนั่งสมาธิ อ่านหนังสือหรือฟังธรรมะ จะทำให้จิตใจผ่อนคลาย เมื่อไม่มีความกังวลหรือความเครียด จะช่วยลดการเกิดสิว ช่วยทำให้มีใบหน้าผ่องใสได้ด้วยค่ะ </div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-63459278604787501912016-08-31T01:14:00.000-07:002016-10-21T02:35:32.754-07:00วิธีรักษาสิวอักเสบด้วย Benzac AC อย่างได้ผล สิวหายไร้ผลข้างเคียง ยารักษาสิวอักเสบ สิวอุดตัน ที่นิยมใช้กันมากตัวหนึ่งนั่นคือ <span style="color: #990000;">"</span><b><span style="color: #990000;">Benzac AC"</span></b> หลายคนอาจสงสัยว่า ผลิตภัณฑ์รักษาสิว Benzac AC มันคืออะไร ใช้อย่างไร ใช้ที่ความเข้มข้นเท่าไรดี 2.5% หรือ 5% ใช้แล้วกลัวหน้าพัง สิวเห่อ อื่นๆ มากมายหลายคำถาม วันนี้เรามีคำแนะนำทั้งหมดเกี่ยวกับยา Benzac AC มาฝากกัน<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<b><span style="color: #990000;"></span></b><br />
<div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQpsewBKgF6qUp1ep_SEkN6qLCKeJKKXrOkGWWE0htzxcyrcimo2pB_zM7luYBCLZDTlansSksXRFpbTbmz5NsIcXusq8WQ9mVhUG-7LTFUXMKmBDVm0KJn4xuCq8UWmiQyyPxee8bkpK1/s1600/benzac+ac2.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="" border="0" height="281" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQpsewBKgF6qUp1ep_SEkN6qLCKeJKKXrOkGWWE0htzxcyrcimo2pB_zM7luYBCLZDTlansSksXRFpbTbmz5NsIcXusq8WQ9mVhUG-7LTFUXMKmBDVm0KJn4xuCq8UWmiQyyPxee8bkpK1/s400/benzac+ac2.png" title="รักษาสิวอักเสบด้วย Benzac AC" width="400" /></a></div>
<b><span style="color: #990000;"><b><span style="color: #990000;"><br /></span></b></span></b></div>
<b><span style="color: #990000;">
Benzac ac คืออะไร</span></b><br />
Benzac ac เป็นยาทารักษาสิว ช่วยลดอักเสบ และสิวอุดตัน ซึ่งจริงๆ แล้ว benzac ac เป็นเพียงชื่อยี่ห้อของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ตัวยาออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อสิวนั้น จะมีชื่อว่า เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) เรียกย่อๆว่า BP<br />
<br />
<span style="color: #990000;"><b>กลไกการออกฤทธิ์ของ Benzoyl peroxide (BP)</b></span><br />
หลักการทำงานคือ เมื่อตัวยา BP สัมผัสกับผิวหนังจะสลายตัวเป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ซึ่งช่วยยับยั้งหรือฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acne ที่เป็นต้นเหตุการเกิดสิว นอกจากนี้ตัวยามีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว จึงช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้ด้วยเช่นกัน<br />
<br />
<span style="color: #990000;"><b>ขนาดความเข้มข้นของ Benzac ac ที่เหมาะสม</b></span><br />
Benzac ac มีขนาดความเข้มข้นของตัวยา BP ให้เลือกอยู่ 3 ระดับ คือ 2.5%, 5% และ 10% แต่บ้านเรามีขายฉพาะ 2.5% และ 5% เท่านั้น ยิ่งความเข้มข้นสูงจะยิ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวมาก ส่วนผลการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของสิวในแต่ละคน ตัวยาที่แรงขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะรักษาสิวได้ดีกว่าหรือได้ผลมากกว่าเสมอไป ดังนั้นข้อแนะนำ คือ<br />
<ul>
<li>ถ้าเป็นคนผิวธรรมดาหรือผิวหน้ามัน ไม่แพ้ง่าย สามารถเลือกใช้ Benzac ac 5%</li>
<li>ถ้าเป็นคนผิวแพ้ง่ายหรือผิวบอบบาง แห้งง่าย แสบลอกง่าย ควรใช้ Benzac ac ที่ความเข้มข้น 2.5% เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้น อาจลองใช้สัก 5-7 วัน หากไม่แพ้ไม่ระคายเคือง ก็สามารถใช้ที่ระดับความเข้มข้น 5% ได้เช่นกัน</li>
<li>โดยส่วนตัวแนะนำให้ซื้อที่ความเข้มข้น 5% จะคุ้มกว่า เพราะหากจะลดความเข้มข้นก็สามารถทำได้โดยการผสมน้ำให้ความเข้มข้นเจือจางลง </li>
</ul>
<span style="color: #990000; font-size: large;"><b><br /></b></span>
<span style="color: #990000; font-size: large;"><b>วิธีใช้ Benzac</b></span><br />
<b>1. ทาก่อนล้างหน้า</b><br />
<ul>
<li>ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากมือไปติดผิวหน้า</li>
<li>จากนั้นใช้ Benzac ac ทาทั่วหน้าหรือเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวก็ได้ ทาทิ้งไว้ 5-10 นาที (ทิ้งไว้นานผิวอาจแสบแดง) แล้วล้างออกด้วยโฬมหรือสบู่ล้างหน้าหรือล้างหน้าตามปกติที่เคยทำ ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพผิวแต่ละคน ถ้าระคายเคืองง่ายก็ใช้เวลาน้อยลง หากผิวมันเป็นสิวมากก็ใช้เวลานานขึ้น หากเพิ่งเริ่มใช้เป็นครั้งแรกแนะนำให้ทาทิ้งไว้ 5 นาทีก่อนเพื่อดูอาการว่าระคายเคืองและผิวแห้งหรือไม่ แล้วครั้งต่อไปค่อยปรับเพิ่มเวลาได้ แต่ไม่ควรเกิน 10 นาที</li>
<li>หลีกเลี่ยงการทารอบดวงตา มุมจมูก รอบริมฝีปาก และผิวหนังบริเวณที่อ่อนโยน</li>
<li>การใช้ Benzac ac ควรทาวันละ 1-2 ครั้ง ขึ้นกับสภาพผิว ถ้าผิวระคายเคืองง่ายก็ทาครั้งเดียวเฉพาะตอนเย็น หากผิวเป็นสิวมากก็ทาทั้งเช้าและเย็นได้เลย</li>
</ul>
<b>2. ใช้แต้มสิวอักเสบ</b><br />
<ul>
<li>Benzac ac นอกจากใช้ทาก่อนล้างหน้าแล้ว ยังสามารถใช้แต้มสิวอักเสบ สิวหัวหนองได้ด้วย โดยแต้มยาลงไปที่หัวสิวโดยไม่ต้องล้างออก (แต้มหลังการล้างหน้า) แต้มวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน จะช่วยให้สิวแห้งหรือยุบเร็วขึ้น</li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">ถ้าสิวหายหรือน้อยลงแล้วเลิกใช้ Benzac ได้หรือไม่?</span></b><br />
สามารถเลิกใช้ได้ หรือจะเว้นระยะการใช้แล้วค่อยกลับมาใช้ใหม่ก็ได้เช่นกัน อีกทั้งยา Benzac ยังสามารถใช้ต่อเนื่องได้โดยไม่เป็นอันตราย Benzac เพราะไม่ใช่ยาทาสเตียรอยด์ ที่บางคนหยุดทาแล้วสิวกลับมาเห่ออีกครั้ง เพียงแต่ว่า ถ้าทา Benzac ต่อเนื่องกันนานๆ อาจทำให้ผิวแดง แพ้ง่าย และไวต่อแสงแดด ดังนั้นอาจทาครีมพวกมอยเจอร์ไรเซอร์หรือเจลวานหางจรเข้เพิ่มความชุ่มชื้น ลดปัญหาหน้าแห้ง ลอกเป็นขุย และทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าหมองคล้ำ<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ใช้แล้วมีอากาศแสบ แดง ลอก รู้สึกคันๆ</span></b><br />
อาการหน้าแดง แสบ ลอก หรือรู้สึกคันๆ ระหว่างตัวยาทำงาน เป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้สำหรับผู้ที่เพิ่งเคยใช้ Benzac ครั้งแรกๆ ยิ่งมีความเข้มข้นสูงมากเท่าไรหรือทาทิ้งไว้นานอาการที่ว่าก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้บางคนที่ใช้ยา Benzac เป็นครั้งแรกเกิดความกังวลขึ้นว่าตกลงเราใช้แล้วแพ้หรือเปล่า มีข้อแนะนำดังนี้ค่ะ<br />
<ul>
<li>ถ้าใช้ครั้งแรกแล้วเกิดหน้าแดง คันยุบยิบ หรือแสบหน้าเล็กน้อย อันนี้ยังไม่ต้องกังวลหรือตกใจค่ะเนื่องจากเป็นผลข้างเคียงของ Benzac ที่อาจเกิดขึ้นได้ซึ่งพบได้บ่อย ถ้าเราใช้อย่างต่อเนื่องอาการที่ว่าก็จะหายไปเพราะผิวหน้าเริ่มปรับตัวได้</li>
<li>แต่ถ้าหากทา Benzac แล้วเกิดอาการแสบร้อน หน้าแสบแดง ผิวหนังบริเวณที่ทายาบวมอย่างรุนแรง หรือมีสิวเห่อขึ้นมากกว่าปกติ ควรรีบล้างออกและหยุดใช้ยาทันทีหรือพบแพทย์ผิวหนัง เพราะอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเราแพ้ยา BP เข้าให้แล้ว</li>
<li>อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่องติดต่อกัน หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้หยุดใช้ยาทันทีหรือปรึกษาแพทย์ผิวหนัง มีดังนี้ ผิวหนังมีความไวต่อแดดมากขึ้น แสบร้อนมากขึ้น ผิวแดง อักเสบ ระคายเคือง หรือผิวหนังลอกหลังการใช้ผ่านไปใน 2-3 วัน</li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">ยา Benzac ac ซื้อได้ที่ไหน</span></b><br />
หาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วไปหรือตามห้างสรรพสินค้า Benzac AC 5% 15 ml ราคาประมาณ 140 บาท<br />
<div>
<br /></div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-52224269322186766682015-09-10T08:11:00.000-07:002016-09-24T07:02:29.941-07:00วิธีดูแลตัวเองขณะเป็นสิวที่หลัง และวิธีป้องกันการเกิดสิวซ้ำ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div>
นอกจากวิธีรักษาสิวที่หลังอย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับผิวของคุณแล้ว สิ่งที่จะช่วยทำให้สิวและรอยดำต่างๆหายเร็วขึ้น คือต้องทำควบคู่กับการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีในขณะเป็นสิวที่หลังด้วย และเมื่อสิวหายแล้ว ก็ควรรู้วิธีป้องกันการเกิดสิวเพื่อที่จะได้ไม่กลับมาเป็นอีก เพราะสิวต่างๆ โดยส่วนใหญ่ต่างก็มีปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวทั้งภายในและนอกตัวเราทั้งนั้น นั่นก็คือภาวะการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน และเชื้อโรคในบรรยากาศรอบตัวเรา ดังนั้น ถ้าคุณแก้ไขปัญหาสิวที่หลังได้ตรงจุดแล้ว ก็อย่าลืมทำการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดสิวอีก จะได้มีแผ่นหลังขาวนวนเนียน ไร้รอยด่างดำตลอดไป…วันนี้ acnecaresite.blogspot.com จึงได้รวบรวมวิธีดูแลตัวเองขณะเป็นสิวที่หลังและวิธีป้องกันการเกิดสิวซ้ำมาฝากค่ะ เพื่อการดูแลรักษาสิวอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพได้ผลจริงๆ<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLYa4l2QQQgiQRnj_bc9-BURHAzahHpCYAIqwAFxn8_PIlF0IMIsytCAd4bKopkzKXdAj5ZSi5VaB28M-SFXwssHeHU_zayz_NlAHSVCWYVgMBki7PbhXcQWCbY3yKq21ZZCvfk2GV3q00/s400/back+acne+scars+treatment.gif" /></div>
<br />
สำหรับวิธีรักษาสิวที่หลังและรอยดำที่ได้ผลดีจริงๆ เพื่อนๆสามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่นะค่ะ:<br />
<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2015/09/back-acne-treatments-and-back-acne.html" target="_blank"><b style="background-color: #fff2cc;"><span style="color: #351c75;">วิธีรักษาสิวที่หลังและรอยดำ ได้ผลดีที่สุด ให้ผิวเกลี้ยงเนียนด้วยตนเอง</span></b></a><br />
<br />
ในช่วงเวลาที่รักษาสิวและรอยดำอยู่ ก็อย่าลืมนำ 16 วิธีการดูแลตัวเองตามด้านล่างนี้ไปใช้ด้วยนะค่ะ สิวที่หลังและรอยดำจะได้หายเร็วขึ้น และได้ผลจริงๆ และเมื่อหายเป็นสิวแล้วก็อย่าลืมป้องกันการเกิดสิวที่หลังก็ตาม 16 วิธีด้านล่างนี้ละค่ะ จะได้มีแผ่นหลังขาวเนียน ไร้รอยด่างดำตลอดไป…ที่มีแนวทางในการดูแลรักษาและป้องกันสิวที่หลังอย่างถูกวิธีตามนี้ค่ะ ^_^<br />
<h3>
<b style="background-color: #f4cccc;"><span style="background-color: white; color: #990000;">16 วิธีการดูแลรักษาตัวเองขณะเป็นสิวที่หลัง และวิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวที่หลัง</span></b></h3>
<b style="background-color: #ea9999;">1. </b> สำหรับคุณๆ ที่มีสิวที่หลังเป็นประจำ อย่าไปบีบหรือแกะเกาสิว และควรงดการขัดผิวแรงๆ ไม่ว่าจะด้วยสบู่หรือผลิตภัณฑ์ใดๆ เพราะจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่หลังได้ เพราะถ้าคุณเกิดแผลเป็นที่หลังแล้ว อย่างน้อยๆก็ครึ่งปีทีเดียวกว่าแผลเป็นเหล่านั้นจะจางหาย<br />
<br />
<b style="background-color: #ea9999;">2. </b> การทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง เพราะน้ำตาลเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรีย เมื่อพอเราทานไปแล้ว ก็จะทำให้เกิดการอักเสบของสิวตามตัว<br />
<br />
<span style="background-color: #ea9999;"><b>3.</b> </span> ควรอาบน้ำเช้า-เย็น สิวที่หลังมักเกิดขึ้นมาจากเหงื่อที่หมักหมม เพราะมีเชื้อแบคทีเรีย พยายามอาบน้ำทันทีที่กลับถึงบ้าน และขณะอาบน้ำควรฟอกสบู่ให้มากหน่อย เพราะเชื้อราที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวที่หลังตัวนี้ชอบไขมัน หรือน้ำมันที่หล่อเลี้ยงผิวหนัง ก็ใช้สบู่ให้มากขึ้น เพื่อล้างความมันออกไป เมื่อไม่มีอาหาร เชื้อราก็จะเจริญเติบโตน้อยลง <br />
<br />
<b style="background-color: #ea9999;">4. </b> ควรอาบน้ำเย็นในอุณภูมิปกติ เพราะการอาบน้ำอุ่นทำให้เกิดสิวที่หลัง…เมื่อผิวแห้งน้ำ ร่างกายจึงผลิตน้ำมันเพิ่ม สิวอุดตันก็เกิดขึ้น ถ้าอากาศไม่หนาวมากแนะนำให้อาบน้ำเย็นในอุณภูมิปกติจะดีกว่า<br />
<br />
<span style="background-color: #ea9999;"><b>5.</b> </span> ใช้เจลอาบน้ำเด็กดีที่สุด หรือสบู่ก้อนสูตรอ่อนโยนก็ได้ ส่วนครีมอาบน้ำและสบู่ อาจทำให้เกิดสิวที่หลัง เพราะครีมอาบน้ำชำระล้างออกได้ยาก จนเกิดการอุดตันของรูขุมขนนำไปสู่การเกิดสิวขึ้นในท้ายที่สุด ส่วนสบู่มีความเป็นด่างทำให้ผิวแห้ง ต้องสร้างน้ำมันชดเชยกลับคืน เกิดสิวอุดตันและอักเสบตามมา ดังนั้น ให้ใช้เจลอาบน้ำเด็กดีที่สุด ไม่เกิดสิวอุดตันและผิวไม่แห้ง หรือใช้เป็นสบู่ก้อนสูตรอ่อนโยนก็ใช้ได้ดี<br />
<br />
<b style="background-color: #ea9999;">6</b><span style="background-color: #ea9999;"><b>.</b> </span> แชมพู และการสระผม อีกหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิวที่หลัง เพราะ...บางยี่ห้อชุ่มชื้นเกินไป บางยี่ห้อเคมีเกินไป ดังนั้นใช้เป็นแชมพูเด็กจะดีกว่าหรือใช้แชมพูขจัดรังแคที่มี Ketoconazole จะดีมาก (เพราะสิวที่หลัง เกิดจากเชื้อรา) สำหรับการสระผม โดยเฉพาะสาวผมยาวนั้นควรสระผมเสร็จก่อน แล้วค่อยฟอกสบู่จะช่วยชำล้างร่างกายและแผ่นหลังได้สะอาดหมดจดกว่านะค่ะ<br />
<br />
<span style="background-color: #ea9999;"><b>7.</b> </span> หลังอาบน้ำเสร็จให้เช็ดตัวและเป่าผมให้แห้ง ทุกครั้งก่อนที่จะสวมเสื้อผ้า ป้องกันการเกิดเชื้อรา ที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของสิวที่หลัง<br />
<br />
<span style="background-color: #ea9999;"><b>8.</b> </span> ผ้าเช็ดตัวควรสะอาด ควรเปลี่ยนอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เป็นสิ่งที่มักมองข้ามกันนะ เพราะในการใช้แต่ละครั้งผ้าเช็ดตัวจะไปจับเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วตามร่างกาย รวมถึงแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังไปสะสมไว้ด้วย ดังนั้นโยนลงเครื่องซักผ้าไปเถอะ<br />
<br />
<span style="background-color: #ea9999;"><b>9.</b> </span> สวมเสื้อผ้าที่สะอาด และเนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี เช่น ควรสวมเสื้อผ้าคอตตอนแทนเสื้อผ้าเนื้อหนาที่ระบายอากาศไม่ดี<br />
<br />
<b style="background-color: #ea9999;">10.</b><span style="background-color: white;"> </span> ควรเปลี่ยนชุดนอนทุกวัน สำหรับบางคนที่สวมชุดนอน 2-3 วัน ซ้ำ โดยที่ไม่เปลี่ยน แนะนำให้ทำการเปลี่ยนชุดนอนทุกวัน เพราะเวลาที่เรานอน แผ่นหลังต้องสัมผัสกับชุดนอนอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เกิดการอับชื้นสะสมแบคทีเรียและคราบสกปรกเอาไว้ เมื่อใส่ชุดนอนซ้ำๆ คราบสกปรกก็จะยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้เกิดสิวที่หลังขึ้น<br />
<br />
<b style="background-color: #ea9999;">11.</b><b style="background-color: white;"> </b> ปลอกหมอน ผ้าห่ม และผ้าปูที่นอน หมั่นเปลี่ยนบ่อยๆ อาทิตย์ละ 1 ครั้ง เป็นสิ่งที่เราต้องสัมผัสเป็นเวลานานในแต่ละวัน หากไม่ทำความสะอาดบ่อยๆก็จะเกิดการสะสมของสิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียได้<br />
<br />
<b style="background-color: #ea9999;">12.</b> กรณีที่ผิวแพ้ง่าย ให้ใช้น้ำยาซักผ้าเด็ก เพื่อลดโอกาสเกิดการระคายเคืองของผิวหนังและลดการเกิดสิวที่หลัง<br />
<br />
<b><span style="background-color: #ea9999;">13.</span></b> ให้เลือกครีมกันแดดออยล์ฟรี เพราะว่าสิวที่หลังนั้นเกิดจากเหงื่อและไขมันตามรูขุมขน ทำให้เกิดสิวขึ้นมา การที่เราใช้ครีมกันแดดที่ไม่มีไขมันนั้นช่วยทำให้ไขมันผสมกับเหงื่อน้อย ทำให้เกิดสิวได้ยากขึ้น<br />
<br />
<b style="background-color: #ea9999;">14.</b> ใช้ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวสูตรธรรมชาติที่ไม่มีไขมัน จะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของสิว<br />
<br />
<b style="background-color: #ea9999;">15.</b> ควรงดใช้น้ำหอมช่วงนี้ เพราะอาจเกิดจากการแพ้น้ำหอมที่ใช้อยู่<br />
<br />
<b><span style="background-color: #ea9999;">16.</span></b> จริง ๆ แล้วไม่จำเป็น ไม่อยากให้ใช้ยาชนิดรับประทาน เพราะอย่างไรขึ้นชื่อว่ายาก็เป็นสารปฎิชีวะนะอย่างหนึ่งกินมากๆก็มีผลต่อร่างกายค่ะ และสิวที่แผ่นหลังอาจเป็นๆหายๆได้ จึงอยากให้ใช้ยาทามากกว่านะค่ะ</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-43632260342787567032015-09-10T01:58:00.000-07:002016-08-21T11:25:36.935-07:00วิธีรักษาสิวที่หลังและรอยดำ ได้ผลดีที่สุด ให้ผิวเกลี้ยงเนียนด้วยตนเอง<div style="text-align: left;">
</div>
<div style="text-align: left;">
ใครเป็นสิวที่หลังยกมือขึ้น ไม่ต้องอายค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องปกติมากส์ส์ ใครๆ ก็มีสิวที่หลังได้ทั้งนั้น ไม่ใช่เหตุผลว่าต้องอาบน้ำสะอาดเสมอไป บางคนแพ้เครื่องสำอางค์ก็เป็นสิวที่หลังได้ สำหรับวันนี้ acnecaresite.blogspot.com ได้นำวิธีรักษาสิวที่หลังและรอยดำที่ได้ผล พร้อมกับสาเหตุการเกิดสิวที่หลังมาฝากด้วย ที่ไม่ว่าจะเป็นมากหรือน้อยก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพราะเป็นวิธีที่แอดมินลองทำมาแล้วได้ผลดีจริงๆสิวที่หลังหายค่ะ เป็นที่หลังเยอะมากส์ส์…แต่พอลองทำวิธีนี้ 2 เกือบ 3 เดือนก็ได้แผ่นหลังเนียนเกลี้ยงหมดจดไร้สิวและรอยด่างดำแล้ว ก็เลยอยากเอาวิธีดีๆมาแนะนำมาบอกต่อค่ะ เผื่อใครกำลังมีปัญหาแบบเดียวกันนี้ แล้วอยากมีแผ่นหลังเนียนสวยก็ลองนำไปปรับใช้ดูนะค่ะ… เพื่อให้มีผิวที่หลังขาว นวนเนียน ไร้รอยด่างดำ เพื่ออวดโฉมผิวสวยอย่างมั่นใจ^^</div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQFFrkFx5sGEGgFtc35J1EOI2PYWL1DLfOX5-RNkcZ9MDE1xSwUDMA4zqgAI2kSghfoZipr72r5R1HrgDV70hf83mpUJcXy4c85H59r_j9C_jk2fa40gWJbMh2LTxJSdTnvfrea0MvfQfw/s1600/Back+acne+treatments+and+back+acne+causes.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQFFrkFx5sGEGgFtc35J1EOI2PYWL1DLfOX5-RNkcZ9MDE1xSwUDMA4zqgAI2kSghfoZipr72r5R1HrgDV70hf83mpUJcXy4c85H59r_j9C_jk2fa40gWJbMh2LTxJSdTnvfrea0MvfQfw/s1600/Back+acne+treatments+and+back+acne+causes.jpg" /></a></div>
<div style="text-align: justify;">
<br />
คนส่วนใหญ่ก็อาบน้ำชำระล้างตัวสะอาดกันทั้งนั้นแหล่ะค่ะ แต่การเป็นคนมีเหงื่อออกมาก เมื่ออากาศร้อนทำให้รูขุมขนเปิดกว้างเกิดไปกระตุ้นทำให้เกิดสิวขึ้นมาได้ หรือแม้แต่บางคนเกิดจากการแพ้น้ำหอม สบู่ หรือเครื่องสำอางค์ก็มี เป็นต้น ดังนั้นถ้าอยากหายเป็นสิวที่หลังจริงๆ เพื่อนๆก็ควรทำความเข้าใจกับสิวที่หลังให้ถูกต้องก่อนนะค่ะว่าเกิดจากสาเหตุใด จะได้รักษาได้ตรงจุดและหายเป็นสิวที่หลังซะที</div>
</div>
<div style="text-align: left;">
<h3>
<b><span style="background-color: #cfe2f3; color: #351c75;">สาเหตุของสิวที่หลัง</span></b></h3>
<div style="text-align: justify;">
<ul>
<li>จากฮอร์โมน การเกิดสิวที่หลัง สิวที่ใบหน้า และสิวทุกที่ตามร่างกาย มีสาเหตุอย่างเดียวกัน คือ การแปรปรวนของฮอร์โมนเพศในร่างกายเราเอง บางคนเป็นสิวที่หน้า แต่บางคนเป็นสิวที่หลัง บางคนเป็นสิวอุดตัน แต่บางคนเป็นสิวอักเสบ อันนี้ขึ้นตามพันธุกรรม โดยฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน จะทำให้ต่อมไขมันมีการทำงานมากผลิตไขมันมากอุดตันได้ง่ายขึ้น เพราะในร่างกายคนเรานั้นล้วนมีต่อมไขมันอยู่ทุกๆ แห่ง แม้แต่ที่หลัง ก้น หรือไหล่ ดังนั้นคนแต่ละคนจะมีสิวมากน้อยไม่เท่ากัน </li>
</ul>
<ul>
<li>อาจเกิดจากเชื้อรา พี.โอวาเลที่น่าจะเป็นสาเหตุหลักของสิวบริเวณแผ่นหลัง โดยปกติเชื้อราตัวนี้มีอยู่ตามผิวหนังของคนเราอยู่แล้ว แต่ที่ทำให้เกิดสิวบริเวณแผ่นหลังเพราะเชื้อรามีปริมาณมากกว่าปกติ ซึ่งถ้ามีปริมาณไขมันบริเวณรูขุมขนปรวนแปร หรือมีไขมันที่เชื้อราชอบจะเกิดการแบ่งตัวมากขึ้น เชื้อราอาจจะปล่อยสารบางอย่างออกมาไปย่อยไขมันทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะวัย หรือฮอร์โมนบางอย่างไปกระตุ้น เมื่อผ่านไปสักระยะสิวที่แผ่นหลังก็อาจหายไปเองได้ แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะเหงื่อที่อาจไปกระตุ้นทำให้เกิดสิวบริเวณแผ่นหลัง </li>
</ul>
<ul>
<li>ปัจจัยภายนอกอื่นๆ เช่น</li>
<ul>
<li>เหงื่อออกมาก แผ่นหลังของเรานั้นเป็นส่วนที่เหงื่อเกิดขึ้นได้ง่ายมากๆ…เมื่ออากาศร้อนทำให้รูขุมขนเปิดกว้างเกิดไปกระตุ้นทำให้เกิดสิวขึ้นมา</li>
<li>ความอับชื้น และความสกปรกต่างๆ จะทำให้สิวเป็นมากขึ้นได้ จากสาเหตุต่างๆ เช่น เสื้อผ้าหนาๆทำให้ร้อนอับ, เล่นกีฬา เช่นเล่นตอนเย็น แต่รอจนละครหลังข่าวจบค่อยอาบน้ำ, การสระผมล้างผมไม่สะอาด, ความสกปรกของผ้าเช็ดตัว/เสื้อผ้า/ผ้าปูที่นอน/ชุดนอน/หรือหมอนเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง</li>
<li>สบู่/เครื่องสำอางค์ คือแพ้สบู่และเครื่องสำอางค์บางชนิด หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางประเภทที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือไขมันเยอะเกินไปซึ่งเป็นอาหารของเชื้อรา หรือแม้แต่แพ้น้ำหอมที่ฉีดทุกวัน</li>
<li>ผิวหนังระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์ซักผ้า</li>
</ul>
</ul>
</div>
<ul></ul>
</div>
<div>
<ul style="text-align: left;"></ul>
<div style="text-align: left;">
<h3>
</h3>
<h3>
<b style="background-color: #fce5cd;">วิธีรักษาสิวที่หลัง</b></h3>
<div style="text-align: justify;">
วิธีรักษาสิวที่หลัง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละคน และเป็นสิวมากหรือน้อยด้วยค่ะ เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจสามารถแบ่งวิธีหลักๆในการรักษาสิวได้เป็น 2 วิธี คือ</div>
<div style="text-align: justify;">
1) รักษาสิวอุดตัน สิวอักอักเสบ สิวเสี้ยน สิวผด สิวต่างๆ ให้ลดลงหรือควรให้หมดซะก่อน</div>
<div style="text-align: justify;">
2) ทำให้รอยสิวหาย และฟื้นฟูผิวให้กลับมามีแผ่นหลังที่เรียบเนียนสวย</div>
<div style="text-align: justify;">
วิธีรักษาสิวที่หลัง มีทั้งแบบที่ใช้ยาทาและยากินรักษาสิว แต่ส่วนตัวแอดมินแนะนำให้ใช้แต่ยาทาก่อนก็พอแล้ว ถึงแม้คุณจะเป็นสิวมากก็เถอะ เพราะขึ้นชื่อว่ายาก็เป็นสารปฏิชีวนะอย่างหนึ่ง กินมากๆก็มีผลต่อร่างกาย ยิ่งโดยเฉพาะที่ตับจะทำงานหนัก และสิวที่หลังสามารถเป็นๆหายๆได้ก็เหมือนกับสิวที่หน้าแหล่ะค่ะ ดังนั้นไม่จำเป็นก็ไม่ควรทานยาจะดีกว่านะ และต่อไปนี้คือวิธีรักษาสิวที่หลังและรอยดำที่ได้ผลดีจริงค่ะ…ยังไงก็ลองนำไปปรับใช้ดูนะ</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
<b style="background-color: #fce5cd;">1. ใช้โคลนมาร์กสิวเสี้ยน </b>(ที่ใช้มาร์กหน้า) ทำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ทาทิ้งไว้ให้ทั่วหลังแล้วลอกออก ตอนลอกออกสิวจะติดออกมาเยอะมาก</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
<b style="background-color: #fce5cd;">2. ใช้ดินสอพองกับมะนาว </b>ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว นำน้ำมะนาวมาผสมกับดินสอพอง ไม่ต้องให้ข้นเกินไปนะค่ะ พอกบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วค่อยไปอาบน้ำล้างออก ดินสอพองช่วยลดการเกิดสิวและดูดซับสิ่งสกปรกออกไปจากผิวหนัง ส่วนน้ำมะนาวช่วยทำให้รอยสิวจางลงและผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกไป</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
<b><span style="background-color: #fce5cd;">3. ใช้ครีมมาร์กหน้าบำรุงผิว</span> </b>(จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมให้หลุดลอกออกไป ทำให้ผิวกระชับ รูขุมขนเล็กลง) ทำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง นำครีมมาร์กหน้ามาผสมน้ำ แล้วทาให้ทั่วหลัง ทิ้งเอาไว้จนแห้ง แล้วก็ไปอาบน้ำล้างออก เช็ดตัวให้แห้ง</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
<b style="background-color: #fce5cd;">4. ใช้อ๊อกซี่ เคียว บอดี้ แอคเน่ สเปรย์ </b>ฉีดบริเวณที่เป็นสิว หลังอาบน้ำ เช้า-เย็น ทุกวันค่ะ จนกว่าสิวจะหายจึงค่อยเลิกใช้ …บอกก่อนนะค่ะว่าฉีดสเปรย์ช่วงแรกๆนั้นจะแสบผิวอยู่บ้าง ปกติค่ะไม่เป็นไร แต่เราต้องอดทนค่ะ (เป็นสเปรย์ที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยขจัดเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบของสิวและป้องกันสิวบริเวณแผ่นหลัง ลำตัว และหน้าอก ช่วยทำให้สิวแห้งเร็วและลดรอยดำจากสิว)</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
<span style="background-color: #fce5cd;">5. <b>ให้ทายาแต้มหัวสิว </b></span>กรณีที่เป็นสิวอักเสบมากหรือเริ่มมีหัวหนองขาว :ทาหลังอาบน้ำ เช้า-เย็น แต่ถ้าเป็นสิวผดไม่มีหนองอันนี้ยังไม่ต้องใช้ ยาแต้มหัวสิวที่หลังก็คือตัวเดียวกับที่เราใช้กับใบหน้าค่ะ ปัจจุบันมียาแต้มหัวสิวที่ได้รับการแนะนำและได้รับความนิยมอยู่หลายยี่ห้อ หรือจะใช้ตัว clindamycin แต้มบนสิวก็ใช้ดีค่ะ พอสิวเริ่มหายมันจะทิ้งรอยดำไว้</div>
</div>
<div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: #fce5cd;"><b>6. ใช้เกลือขัดผิว นำมาขัดหลัง <u>เมื่อสิวแห้ง</u></b> </span>ควรขัดผิวสัปดาห์ละ 1ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว…การขัดผิวหรือสครับผิวนี้ สามารถทำได้ทั่วตัวเพื่อผิวที่เนียนนุ่มทั่วเรือนร่าง โดยเฉพาะที่บริเวณหลังหากเกิดรอยด่างดำจากสิว แต่ห้ามขัดผิวในขณะมีสิวอักเสบเป็นอันขาด! เพราะจะยิ่งทำให้สิวอักเสบลุกลามมากขึ้นค่ะ…ควรเลือกฟองน้ำหรือใยบวบนุ่มๆ และต้องสะอาด สิ่งสำคัญขัดถูแผ่นหลังเบาๆนะค่ะ ขัดเสร็จอาบน้ำให้สะอาด ซึ่งการขัดผิวก็เพื่อกำจัดรอยแผลเป็น เพราะการขัดผิวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ ให้ผิวเรียบเนียน สดใสยิ่งขึ้น</div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<b><span style="background-color: #fce5cd;">7. บำรุงด้วยเจลว่านห่างจระเข้</span> </b>(ช่วยรักษาให้แผลหายเร็ว ลดรอยสิวได้ดี และทำให้ผิวอ่อนนุ่มชุ่มชื่น) ทาเจลว่านห่างจระเข้ของวัสสันพอกไว้ สามารถทาได้ทุกวัน โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ</div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<b style="background-color: #fce5cd;">8. ทาผงแป้งศรีจันทร์</b>…พอเจลแห้งแล้ว ให้ทาด้วยผงแป้งศรีจันทร์ ซึ่งช่วยลดผดที่หลังได้เยอะเลย</div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
เพื่อนๆ ต้องใช้เวลาสักระยะประมาณ 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นสิวมากหรือน้อยด้วย และต้องทำควบคู่กับการดูแลตัวเองในขณะเป็นสิวที่หลังด้วย ก็จะยิ่งช่วยทำให้สิวและรอยดำหายเร็วขึ้นค่ะ สำหรับการดูแลตัวเองขณะเป็นสิวที่หลังและวิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวที่หลัง ได้เขียนเอาไว้อีกบทความ ซึ่งแอดมินได้ตั้งใจเขียนเรียบเรียงและอยากแนะนำทุกท่านที่เป็นสิวที่หลัง ที่เพื่อนๆสามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ…</div>
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: white;"><a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2015/09/back-acne-scars-removal-treatment.html" target="_blank"><b>วิธีดูแลตัวเองขณะเป็นสิวที่หลัง และวิธีป้องกันการเกิดสิวซ้ำ</b></a></span></div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
ดูแลรักษาสิวที่หลังตามนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะได้แผ่นหลังเรียบเนียนขาวสวยกลับมาแล้ว ทีนี้ก็พร้อมสำหรับแฟชั่นโชว์แผ่นหลัง หรือแม้แต่เสื้อกล้ามโชว์หลังเท่ห์ๆได้แล้ว แต่ที่สำคัญต้องมีความอดทนพยายามกันหน่อยนะค่ะ แล้วสิ่งที่คุณรอคอยรับรองว่ามันย่อมคุ้มค่าและภาคภูมิใจแน่นอน ^^</div>
<br />
<b>เรียบเรียงโดย: </b><a href="http://acnecaresite.blogspot.com/">acnecaresite.blogspot.com</a></div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-63107284767021358122015-06-18T06:03:00.000-07:002015-06-18T06:26:39.533-07:00วิธีกำจัดสิวเม็ดข้าวสารด้วยปูนแดง และข้อควรระวัง<br />
วิธีการกำจัดสิวเม็ดข้าวสารด้วยปูนแดงนั้น แต่ถือว่า เป็นวิธีประหยัด ทำได้ง่าย อีกทั้งได้ผลดี ซึ่งการใช้ปูนแดงนั้นมีมาตั้งแต่อดีต ปูนแดงนอกจากจะใช้กินกับหมากแล้ว มักถูกนำมาใช้รักษาฝี แผล โรคผิวหนัง กำจัดไฝ และอื่นๆ อีกมาก<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1N3eo3uIfbo4E_rOlU1dBMIMwD0_urkzsVg9pKIhVhTtkUvOyjgNBey04MB_KB-r6HyLaJaLDUWcrvt_fyWBgMRYQdoQEOIfDM9pg5opjDrb7Fhz-b3nFPcmgqa95JpnZeXygDmHS96Ux/s1600/2015-06-18_122816-horz.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="107" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1N3eo3uIfbo4E_rOlU1dBMIMwD0_urkzsVg9pKIhVhTtkUvOyjgNBey04MB_KB-r6HyLaJaLDUWcrvt_fyWBgMRYQdoQEOIfDM9pg5opjDrb7Fhz-b3nFPcmgqa95JpnZeXygDmHS96Ux/s320/2015-06-18_122816-horz.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
สำหรับสิวเม็ดข้าวสารหรือสิวหิน หรือ มิเลีย (Milia) นั้นมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ ส่วนใหญ่มีสีขาวหรือสีเหลือง พบได้ตามบริเวณรอบดวงตา โหนกแก้ม และบริเวณจมูก โดยสิวประเภทนี้อาจเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย<br />
<br />
<span style="color: #990000; font-size: large;"><b>วิธีการกำจัดสิวหินด้วยปูนแดง </b></span><br />
<ul>
<li>นำปูนแดงมาผสมน้ำนิดเดียวพอให้มีลักษณะข้นๆ (บางสูตรก็ใช้สบู่ที่ขูดเอาเนื้อสบู่มาผสมกับปูนแดง ก็ใช้ได้เช่นกัน) </li>
<li>ผสมเสร็จแล้ว เอามาแต้มตรงหัวสิว แต้ม 2-3 ครั้งต่อวัน (เช่น แต้มเช้า เย็น ก่อนนอน ก็ได้) แต้มทิ้งไว้ โดยไม่ต้องออกแรงกดหัวสิว สิวจะแห้งและหลุดออกไปเอง </li>
<li>แต้มหัวสิวสัก 1-2 วัน สิวจะยุบ บางครั้งหัวสิวจะกลายเป็นรอยเล็กๆ เเดงๆ ต้องปล่อยให้รอยเเผลหายเเล้วสะเก็ดเเผลจะหลุดเอง ห้ามเเกะ ห้ามเกาเป็นอันขาด </li>
</ul>
<b><span style="color: #990000; font-size: large;">ข้อควรระวัง</span></b><br />
<ul>
<li>ควรแต้มเฉพาะตรงหัวสิวเท่านั้น เพราะปูนแดงอาจจะกัดผิวส่วนอื่นให้เป็นแผลได้ </li>
<li>ถ้ามีอาการแสบๆ ก็ให้แต้มทีละน้อย หรือแต้มบางๆ แทน </li>
<li>ไม่ควรทาทั้งหน้า หรือรอบหัวสิว ควรใช้วิธีแต้มเป็นจุดๆ ไป และแต้มตรงหัวสิว </li>
<li>ไม่ควรแต้มสิวที่ใกล้บริเวณรอบดวงตาเกินไป อาจเกิดอันตรายต่อดวงตาได้ </li>
<li>ควรทดลองแต้มสิวสักหนึ่งจุดก่อนเพื่อดูว่าจะมีอาการแพ้ผิวเราหรือไม่ อีกทั้งเพื่อดูว่าจะได้ผลหรือไม่ หากได้ผลค่อยแต้มสิวจุดอื่นต่อ</li>
</ul>
การแต้มปูนแดงนั้น วันแรกๆ จะเป็นรอยเเดงนิดหน่อย เเต่วันต่อมาก็ดีขึ้น เเทบมองไม่เห็นรอย และสิวเม็ดขาวสารก็จะหาย ที่สำคัญคืออย่าพยายามแกะ เกา ตรงที่เราแต้มสิวเด็ดขาดเดี่ยวจะป็นแผลได้ ปล่อยให้สิวยุบและลอกออกเอง วิธีกำจัดสิวหินด้วยปูนแดงนี้ทำง่าย ประหยัด ลองนำไปทำกันดูนะค่ะ สำหรับปูนแดงก็หาซื้อได้ตามตลาดสด ร้านที่ขายหมากพลู ดอกไม้ เครื่องไหว้สักการะ หรือร้านขายของชำทั่วไปAdminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-55335253578065339092015-06-18T05:40:00.001-07:002015-06-18T06:28:14.038-07:00วิธีรักษาสิวเม็ดข้าวสารหรือสิวหิน พร้อมวิธีป้องกันการเกิดสิวซ้ำ<b>สิวเม็ดข้าวสารและการรักษา </b><br />
<span style="color: #990000;">สิวหิน หรือ สิวเม็ดข้าวสาร (Milia)</span> เกิดจากการรวมตัวของเซลล์ผิวที่ตายแล้วและไม่ยอมหลุดออกไป เมื่อไปรวมตัวกับไขมันที่ต่อมไขมันปล่อยออกมาบนผิวหน้า จึงเกิดลักษณะเป็นตุ่มขนาดเล็กนูนๆ บนผิวหน้า มีลักษณะเป็นสิวหัวปิด หัวสิวจะมีสีขาวหรือเหลืองเป็นส่วนใหญ่ ชอบขึ้นบริเวณรอบดวงตา โหลกแก้ม และจมูก <br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhw3Oi2VQHBlkZBoLqeHvGOzAlPQoAGhADS-j6DYWezChEltd7q2YWtkz9gi748geNTYK4dS7SxpsA4eB8jQRAZEWiiPzKnZqLRweLtRbY-_XHfhaiQ5hWK74bvXujdADxN0OYfTEUINxS/s1600/zz.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="245" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhw3Oi2VQHBlkZBoLqeHvGOzAlPQoAGhADS-j6DYWezChEltd7q2YWtkz9gi748geNTYK4dS7SxpsA4eB8jQRAZEWiiPzKnZqLRweLtRbY-_XHfhaiQ5hWK74bvXujdADxN0OYfTEUINxS/s320/zz.png" width="320" /></a></div>
<br />
<h3>
<span style="color: #990000;"><b>วิธีการรักษาสิวเม็ดข้าวสาร</b></span></h3>
<u><b>การกดสิว</b></u> กดหรือเจาะบริเวณตุ่มขาว ๆ ออกมาให้หมด อาจทำโดยเอาเข็มขนาดเล็กสะกิดที่หัวสิวแล้วกดหัวสิวออกมา ฟังดูเหมือนจะทำได้ง่ายๆ แต่ลองทำจริงแล้วค่อนข้างยากเลยทีเดียว เนื่องจากสิวเม็ดข้าวสารจะมีลักษณะไตแข็งๆ อีกทั้งชอบขึ้นใต้ตาซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวบอบบาง จะบีบหรือกดออกก็ทำได้ยาก อาจทำให้เกิดแผลหรือผิวบอบช้ำได้ ดังนั้นอาจจะลองหันไปใช้บริการกดสิวที่คลินิกรักษาสิวทั่วไป ค่ารักษาไม่แพง แถมไม่อันตรายด้วย <br />
<br />
<u><b>การรักษาด้วยเลเซอร์</b></u> การรักษาสิวหินด้วยเลเซอร์นั้น สะดวก รวดเร็ว แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นกัน <br />
<br />
<u><b>การรักษาด้วยปูนแดง</b></u> เป็นวิธีแบบบ้านๆ คือ การเอาปูนแดงมาแต้มตรงหัวสิวหินหรือสิวเม็ดข้าวสาร แต้มเช้า-เย็น ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวสิวก็จะแห้งแล้วก็จะหลุดลอกออกมาเอง โดยไม่ต้องไปบีบหรือแกะสิว วิธีง่ายๆ แต่ได้ผลเหมือนกัน ดู <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2015/06/home-remedies-to-get-rid-of-milia.html" target="_blank">วิธีการและข้อควรระวังของการกำจัดสิวหินด้วยปูนแดง </a><br />
<br />
<u><b>การรักษาด้วยการดูแลผิวหน้า</b></u> วิธีนี้จะเห็นผลในระยะยาว สิวเม็ดขาวสารจะค่อยๆ หมดไปและเป็นการลดโอกาสการเกิดใหม่ของสิว ดูคำแนะนำด้านล่างค่ะ <br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnyag53B6PrsKJ7hIEU3jSPwbQMM2UvBOaE6fR0YsRwlIIU-mw2iolcSjqjFx3KUpPJonIvgxTxyODJ1AXfhtpAMFilygvBSGj_-9cbr8OJbSa98wxozQzkt0BVFu4Rgpu5_MQYMfkz9S0/s1600/smackdown_milia-e1280340125538zzz.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="216" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnyag53B6PrsKJ7hIEU3jSPwbQMM2UvBOaE6fR0YsRwlIIU-mw2iolcSjqjFx3KUpPJonIvgxTxyODJ1AXfhtpAMFilygvBSGj_-9cbr8OJbSa98wxozQzkt0BVFu4Rgpu5_MQYMfkz9S0/s320/smackdown_milia-e1280340125538zzz.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
<h3>
<span style="color: #990000;"><b>วิธีป้องกันรักษาไม่ให้สิวเม็ดข้าวสารกลับมาเกิดซ้ำขึ้นอีก</b></span></h3>
สาเหตุหลักประการหนึ่งของการเกิดสิวเม็ดข้าวสาร มาจากการใช้เครื่องสำอางที่ไม่ได้คุณภาพและการตกค้างของเครื่องสำอางที่ใช้เป็นประจำ การใช้เครื่องสำอางแล้วล้างหน้าไม่สะอาด ไปจนถึงการตากแดดในระยะเวลานาน ๆ จนผิวหนาและผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวได้ยากขึ้น ดังนั้นวิธีการการป้องกันรวมทั้งกำจัดไม่ให้สิวเม็ดข้าวสารกลับมาเกิดซ้ำควรทำดังนี้ <br />
<ul>
<li>ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาที่ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวรอบดวงตาเพื่อช่วยลดจำนวนสิว </li>
<li> ลดการแต่งหน้าและการใช้เครื่องสำอางให้น้อยลง อาจเลือกใช้เป็นบีบีครีมแทนรองพื้น แล้วตามด้วยแป้งฝุ่นที่มีความบางเบาเพื่อช่วยลดการอุดตัน </li>
<li>ครีมกันแดดและเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอมหรือสารระคายเคืองผิวเพื่อช่วยลดการเกิดสิวและการอุดตัน </li>
<li>ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด แต่หากมีความจำเป็นต้องออกแดดควรทาครีมกันแดด และควรเลือกครีมกันแดดจากธรรมชาติ อันประกอบด้วยสาร Titanium dioxide หรือ Zinc oxide ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว</li>
</ul>
<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2015/06/how-to-get-rid-of-milia.html" target="_blank">การกำจัดสิวหิน</a> หรือ สิวเม็ดข้าวสารออกจากผิวนั้น บางวิธีก็เป็นการกำจัดสิวได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานสิวก็จะกลับมาขึ้นใหม่อีก ดังนั้นทางที่ดีเพื่อเป็นการป้องกันรักษาในระยะยาวเพื่อไม่ให้เกิดสิวเม็ดข้าวสารขึ้นอีก ควรหมั่นดูแลความสะอาดบนใบหน้า ไม่ให้ผิวมันและมีสิ่งตกค้าง ตลอดจนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เหมาะกับผิว รบกวนผิวให้น้อยที่สุด และดูแลผิวตามคำแนะนำด้านบนกันนะค่ะ Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-3133461443216540092013-02-11T05:24:00.000-08:002016-09-24T08:31:06.504-07:0010 สูตรวิธีรักษาสิวและทำให้หน้าใส ด้วยขมิ้นชัน<div>
<span style="background-color: white;">สำหรับใครที่กำลังมองหาสูตร <b>วิธีรักษาสิวแบบธรรมชาติ</b> หรือวิธีทำให้หน้าใสแบบธรรมชาติ…อย่าได้พลาดค่ะ วันนี้เราได้รวบรวมสูตรวิธีมากมายเกี่ยวกับการ<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/07/10.html" target="_blank">รักษาสิวด้วยขมิ้น</a> รวมถึงสูตรหน้าใสด้วยขมิ้นมาฝากค่ะ ซึ่งเป็นสูตร เป็นภูมิปัญญาของคนสมัยแต่ก่อน สำหรับสาวๆ แล้วการใช้ขมิ้นทาผิวหน้าจะทำให้ผิวหน้านุ่มนวล คนมาเลเซียและคนไทยสมัยก่อนจะใช้ขมิ้นในการอาบน้ำ ทำให้ผิวผ่องยิ่งขึ้น วิธีการอาบน้ำด้วยขมิ้นนั้น จะทาขมิ้นหมักไว้ที่ผิวหนังสักพัก แล้วจึงขัดออกด้วยส้มมะขามเปียก นอกจากทำให้ผิวหนังนุ่มนวลแล้ว ขมิ้นยังมีสรรพคุณในการป้องกันการงอกของขน ผู้หญิงอินเดียจึงใช้ขมิ้นทาผิวหนัง เพื่อป้องกันไม่ให้ขนงอก คนพม่าเชื่อว่าถ้าใช้ขมิ้นผสมสมุนไพร ที่ชื่อทาคาน่า ทาผิวเด็กสาวตั้งแต่ยังเล็กๆ จะทำให้เนื้อผิวละเอียดสวยชนิดที่หนุ่มมองได้ไม่วางตาเชียวละค่ะ </span><br />
<span style="background-color: white;"><br /></span></div>
<div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgkd5lroWwmlo5Vphg6FwNaqf7B52Eh4Rf9-pz1Fic5Qr-DdodovgpwqCJCV3m4iz5_SfpLscHkMvgqcqLgRcpyDTSJRtq1rvH_dcKQvVcS_tb-WL0XL928KF_H3J95tHsoiMbxMZd4B7Uu/s1600/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A7+%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="293" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgkd5lroWwmlo5Vphg6FwNaqf7B52Eh4Rf9-pz1Fic5Qr-DdodovgpwqCJCV3m4iz5_SfpLscHkMvgqcqLgRcpyDTSJRtq1rvH_dcKQvVcS_tb-WL0XL928KF_H3J95tHsoiMbxMZd4B7Uu/s320/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A7+%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99.png" width="320" /></a></div>
<br /></div>
<div>
<b><span style="color: #990000; font-size: x-large;">มารู้จัก ”ขมิ้น” กันเถอะ</span></b><br />
“<span style="color: #bf9000; font-size: large;"><b>ขมิ้นชัน</b></span>” เป็นพืชสมุนไพร และประโยชน์ของขมิ้นชันกับผิวนั้นไม่ได้แค่ต่อต้านหรือลดการอักเสบหรือ<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/" target="_blank">รักษาสิว</a>เท่านั้น แต่ยังใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัวเพื่อให้มีสีผิวกระจ่างขึ้นด้วยเมื่อใช้เป็นประจำและช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิดยังช่วยบำรุงให้สีผิวกระจ่างขึ้นด้วยเมื่อใช้เป็นประจำ ขมิ้นชันได้รับการยอมรับว่าช่วยลดการอักเสบและลดการระคายเคืองเมื่อนำมาใช้กับผิว อย่างที่รู้กันว่าสิวนั้นเกิดจากแบคทีเรีย P.acne ที่ทำให้เกิดการอักเสบหรือบวมแดงที่เราเห็น ซึ่งก็ได้มีการวิจัยว่าขมิ้นชันสามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียตัวนี้ได้และสามารถผสมใช้ร่วมกับNeem oil, Tea Tree oil เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น ยังมีการวิจัยอื่นที่บอกอีกว่าขมิ้นชันช่วยปรับสภาพผิวเพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่มีการผสมขมิ้นชันในเครื่องสำอางที่ขายตามท้องตลาดมากมาย <br />
<br />
<span style="color: #990000; font-size: x-large;">สูตรวิธีรักษาสิวและทำให้หน้าใส </span><br />
<br />
<b><span style="color: blue; font-size: large;">1 สูตรขมิ้นสด + ดินสอพอง + น้ำมะนาว</span></b><br />
<b><span style="color: magenta;">สูตรนี้ช่วยบำรุง:</span><span style="color: orange;"> </span></b>ผิวหน้าให้ผุดผ่องสดใสอ่อนวัย และช่วยให้สิวยุบเร็ว<br />
<b>ส่วนผสม</b><br />
ขมิ้นสด (เล็กน้อย)<br />
ดินสอพอง 2-3 เม็ด<br />
มะนาว 1 ผล<br />
<b>วิธีทำ </b><br />
นำขมิ้นสดมาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ปั่นรวมกับดินสอพองและมะนาว จนละเอียดรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียวใช้สำหรับนำมาพอกกับหน้าที่สะอาดแล้วก่อนเข้านอน โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะรู้สึกผิวหน้าสดชื่นและเต่งตึงขึ้นด้วย ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้งภายในเวลาไม่ถึงเดือนจะสังเกตเห็นว่าผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงจนสามารถสังเกตได้มะนาว จะทำให้ผิวนวลเนียนขึ้นสามารถสัมผัสได้ และเมื่อผสมรวมกันกับผักแว่น ก็จะยิ่งทำให้ผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด<br />
<br />
<b><span style="color: blue; font-size: large;">2 สูตรดินสอพองผสมน้ำมะนาว หรือน้ำมะขามเปียก </span></b><br />
<b><span style="color: magenta;">สูตรนี้ช่วยบำรุง: </span></b>เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมัน รูขุมขนกว้าง และมีสิวเสี้ยน สูตรนี้สามารถเปลี่ยนจากน้ำมะนาวมาเป็นน้ำมะขามเปียกก็ได้ค่ะ <br />
<b><span style="color: magenta;">ผลที่ได้ :</span></b> จะช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มขึ้น รูขุมขนกระชับ และความมันลดลง ให้ผลเร็ว 1-3 วันเห็นผลแน่นอน สิวแห้ง ยุบลง<br />
<div>
<b> ส่วนผสม </b><br />
ดินสอพองสะตุ 3 - 4 เม็ดใหญ่<br />
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา<br />
<b> วิธีทำ </b><br />
นำดินสอพองสะตุมาบดละเอียดด้วยภาชนะที่สะอาด ผสมน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากัน (มันจะกลายเป็นครีมข้นๆ)<br />
ดินสอพองจะพองตัวขึ้นและมีฟองอากาศ นั่นเพราะดินสอพองกำลังทำปฏิกิริยากับกรดในน้ำมะนาวนั่นเอง <br />
จากนั้นทาครีมดินสอพองจนทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตา หรือจะแต้มเฉพาะตรงที่หัวสิวก็ได้ค่ะ ทิ้งไว้ 15 - 20 นาทีหรือจะทาก่อนนอนทิ้งไว้จนเช้าก็ได้ <br />
<b> วิธีล้าง </b><br />
ให้ล้างด้วยน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าเช็ดเบา ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน <br />
จากนั้นล้างอีกครั้งด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน <br />
ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง<br />
<br />
<b><span style="font-size: large;"><span style="color: blue;">3 สูตรผงขมิ้นผสมกับน้ำมะนาว</span> </span></b><br />
<b><span style="color: magenta;">สูตรนี้ช่วยบำรุง: </span></b>ก็เป็นอีกสูตรที่ใช้กันเยอะ โดยเฉพาะคนที่เป็นสิวเยอะมากบนใบหน้า พอลองใช้สูตรนี้แล้วพบว่า ช่วยลดอาการบวมแดงจากสิว สิวยุบเร็ว สิวและรอยสิวลดลง และหน้าเนียนขึ้นด้วย<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
ผสมผงขมิ้นชันกับน้ำมะนาว หรือถ้าอยากให้ข้นสามารถผสมกับน้ำมันต่างๆได้และแต้มที่สิวก่อนนอน หรือจะพอกทั่วทั้งใบหน้าก็ได้ ถ้าหากคุณเป็นสิวบนใบหน้าเยอะมาก โดยไม่ต้องล้างออก ทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง หรือจนคุณทนไม่ได้เพราะเมื่อพอกแล้วมันจะรู้สึกแสบหน้าค่ะ แต่ถ้าทิ้งข้ามคืนได้จะดีมากกกค่ะ<br />
<br />
<span style="color: blue; font-size: large;"><b>4 สูตรผงขมิ้นผสมกับน้ำนม หรือน้ำผึ้ง</b></span> <br />
<b><span style="color: magenta;">สูตรนี้ช่วยบำรุง: </span></b>ช่วยให้สิวยุบเร็วและช่วยบำรุงผิวหน้าให้ผุดผ่องสดใสอ่อนวัย <br />
<b><span style="color: magenta;">ผลที่ได้ :</span></b> ช่วยให้สิ้วเสี้ยนหลุด สมานผิวและรูขุมขนกระชับขึ้น ช่วยรักษาแผลที่เกิดจากสิวอักเสบ ไม่ให้เกิดเป็นแผลเป็น ทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม<br />
<b>วิธีทำ</b></div>
<div>
ครีมขัดและพอกหน้า นำขมิ้นผงผสมกับน้ำนม หรือน้ำผึ้ง จากนั้นล้างหน้า ให้สะอาดแล้วนำขมิ้นที่เตรียมไว้ขัดใบหน้าเบา ๆ จนทั่วพอกไว้อย่างนั้นประมาณ 5 นาที ล้างออกได้ด้วยน้ำอุ่น ๆ<br />
<br />
หรือ<u><b>อีกวิธี</b></u> คือ ใช้เหง้าขมิ้นสดมาหั่นบาง ๆ แล้วตากแห้ง นำมาบดเป็นผงให้ละเอียดผสมกับน้ำนมทาตัวเอาไว้ก่อนจะอาบน้ำทิ้งไว้ 10 - 20 นาที เป็นอย่างน้อย แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือตามด้วยการอาบน้ำชำระร่างกาย ผลที่ได้รับคือ ช่วยให้ผิวนุ่มนวลเนียน แก้โรคผดผื่นคัน หรือจุดด่างดำบนร่างกายให้หายไป<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgHje0AXJZ5ko2iNbNE54bhyphenhyphenFiMAIPb92k0YyLNqXTG2H3mUBx09cxk0LzKCiWlLj8GgHh4sK0pwZ5uAN8rxJLN_IYFQjTU4NVip4TWy4l02rhZVoWScZMRGM-rw_GcstRxmku2N3470Cbm/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A9%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599.png" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgHje0AXJZ5ko2iNbNE54bhyphenhyphenFiMAIPb92k0YyLNqXTG2H3mUBx09cxk0LzKCiWlLj8GgHh4sK0pwZ5uAN8rxJLN_IYFQjTU4NVip4TWy4l02rhZVoWScZMRGM-rw_GcstRxmku2N3470Cbm/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A9%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599.png" /></a></div>
<span style="color: blue; font-size: large;"><b>5 สูตรขมิ้นชันสด </b></span><br />
<b><span style="color: magenta;">สูตรนี้ช่วยบำรุง: </span></b>สำหรับคนที่ใช้ขมิ้นผงแล้วแพ้ เปลี่ยนมาใช้แบบสดดีกว่าค่ะ (เพราะเคยมีคนที่เกิดอาการแพ้ขมิ้นผง พอเปลี่ยนมาใช้แบบสดก็สามารถใช้ได้ไม่เกิดอาการแพ้ค่ะ) <br />
<b><span style="color: magenta;">ผลที่ได้ </span>:</b> ผิวเนียนขึ้น สิวอุดตัน สิวอักเสบ หายหมดค่ะ <br />
<br />
<b>วิธีใช้</b><br />
<span style="background-color: white;">- นำขมิ้นชันสดมาปลอกเปลือก แล้วนำไปปั่นแล้วเอาไปใส่กระปุกแช่ตู้เย็นไว้ค่ะ พอครบ 1 อาทิตย์ ก็ทำใหม่ค่ะ</span><br />
<span style="background-color: white;">- ใช้คอตต้อนบัด จิ้มๆ น้ำแล้วนำมาทาหน้า ก่อนล้างหน้า 10-15 นาที</span><br />
<span style="background-color: white;">- ควรใช้ตอนเย็น เพราะหน้าจะเหลือง ต้องล้างประมาณ 2 ครั้งถึงจะออกค่ะ </span><br />
<br /></div>
<div>
<b><span style="color: blue; font-size: large;">6 สูตรน้ำผึ้ง </span></b><br />
“<b>น้ำผึ้ง</b>” มีสรรพคุณลดการอักเสบ และติดเชื้ออยู่ด้วย และเร่งการสร้างเนื้อเยื่อใหม่น้ำผึ้งจึงใช้สมานบาดแผลชนิดต่างๆ <br />
<b><span style="color: magenta;">สูตรนี้ช่วยบำรุง: </span></b>สูตรน้ำผึ้งนี้เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง แพ้ง่าย มะนาวอาจจะทำให้เกิดความระคายเคืองและแห้งมากขึ้น สูตรนี้จึงใช้น้ำผึ้งที่มีคุณสมบัติสมานผิวเข้ามาแทนที่ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยน้ำมันงา</div>
<div>
<b>ส่วนผสม </b></div>
<div>
ดินสอพองสะตุ 3 - 4 เม็ดใหญ่ <br />
น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา<br />
น้ำเปล่า 1/2 ช้อนชา<br />
น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา <br />
<b> วิธีทำ </b><br />
นำดินสอพองสะตุมาบดละเอียด ผสมน้ำผึ้งและน้ำมันงา (หรือน้ำมันมะกอกก็ได้) คนให้เข้ากัน <br />
น้ำมาพอกให้ทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตา <br />
ทิ้งไว้ 15 - 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด <br />
หลังล้างหน้าจะมีความมันของน้ำมันงาหลงเหลืออยู่บ้าง <br />
หากไม่ชอบให้ล้างด้วยน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น<br />
<br />
<b><span style="color: blue; font-size: large;"> 7 สูตรน้ำนมขมิ้น </span></b><br />
<b><span style="color: magenta;">สูตรนี้ช่วยบำรุง: </span></b>น้ำนมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น และบวกกับขมิ้นที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย แก้ผดผื่นคัน และบำรุงผิวให้เปล่งปลั่งด้วย สูตรนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว</div>
<div>
<b> ส่วนผสม </b><br />
ดินสอพองสะตุ 4 - 5 เม็ดใหญ่<br />
นมสด 2 ช้อนชา<br />
น้ำขมิ้น 1 ช้อนชา<br />
<b> วิธีทำน้ำขมิ้น</b><br />
นำหัวขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นแว่นแล้วตำจนแหลก <br />
ผสมน้ำเล็กน้อย กรองเอาน้ำด้วยผ้าขาวบาง<br />
<b> วิธีทำ </b><br />
บดดินสอพองสะตุจนละเอียด แล้วคนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน พอกหน้าทิ้งไว้ 15 - 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด<br />
<br />
<span style="color: blue; font-size: large;"><b>8 สูตรขมิ้นแห้ง 25 กรัม + ว่านนางคำ 200 กรัม + ไพล 50 กรัม + ดินสอพอง 1000 กรัม </b></span><br />
<b>ส่วนผสม</b>
<br />
นำขมิ้นแห้ง 25 กรัม + ว่านนางคำ 200 กรัม + ไพล 50 กรัม + ดินสอพอง 1000 กรัม<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
นำมาบดผสมกัน ใช้พอกหน้า และตัวเพื่อบำรุงผิวได้ (ถ้าผิวมันใช้ผสมกับน้ำมะกรูดเผาไฟ ถ้าผิวแห้ง ใช้ผสมกับน้ำผึ้ง หรือ นมสด) ควรพอกประมาณ 5 - 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็น สลับกัน<br />
<br />
<span style="color: blue; font-size: large;"><b>9 สูตรดินสอพอง ผสมกับขมิ้น </b></span><br />
ขมิ้น มีสรรพคุณ ฆ่าเชื้อโรคอ่อน ๆ มันก็สามารถบรรเทาอาการสิวคุณได้<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
นำดินสอพองมาผสมกับผงขมิ้น คนให้เข้ากัน แล้วนำมาแต้มที่หัวสิว แต่ถ้าจะเอามาพอกหน้า ควร ลด ขมิ้นผงลง เพราะคุณอาจจะกลายเป็น ดีซ่านได้<br />
<br />
<span style="color: blue; font-size: large;"><b>10 ดินสอพอง ผสมกับไพล</b></span><br />
ไพล เป็น ญาติกับ ขมิ้น แต่ไพล มีสีเหลืองนวล อ่อนกว่า ขมิ้น<br />
<b>มีสรรพคุณช่วย </b>บำรุงผิว ลดอาการระคายเคือง วิธีทำ นำดินสอพองมาผสมกับไพล คนให้เข้ากัน แล้วนำมาแต้มที่หัวสิว</div>
<div>
<b>วิธีทำ</b><br />
นำดินสอพองมาผสมกับไพล คนให้เข้ากัน แล้วนำมาแต้มที่หัวสิว หรือนำไปพอกหน้าก็ได้<br />
<br /></div>
<div>
...หวังว่าบทความนี้ คงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย สำหรับผู้ที่กำลังประสบกับปัญหาสิว และมองหา<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/07/9.html" target="_blank">วิธีรักษาสิวแบบธรรมชาติ</a>นะคะ... </div>
<br />
<b>เรียบเรียงโดย :</b> acnecaresite.blogspot.com <br />
<b>ข้อมูลเพิ่มเติม:</b> info.muslimthaipost.com, thaihealth.or.th</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-52409124317659742162013-02-10T06:57:00.003-08:002013-02-10T07:54:31.633-08:00ล้างหน้าให้ถูกวิธี เพื่อใบหน้าสะอาดใสไร้สิว เชื่อไหมว่า <b>การล้างหน้าอย่างถูกวิธีช่วยรักษาและป้องกันการเกิดสิวได้</b> เพื่อนๆ ที่อยากมีใบหน้าขาวใส ไร้ปัญหาเรื่องสิว ควรให้ความสำคัญกับการล้างหน้าด้วย หลายคนอาจเคยสงสัยว่า ในแต่ละวันควรจะล้างหน้ากี่รอบ? รอบละกี่ครั้ง? ควรล้างแบบไหนถูแบบไหน? ล้างด้วยสบู่ เจล หรือโฟมล้างหน้าแบบไหนจะดี? อ่านบทความนี้ท่านจะได้คำตอบแน่นอน...<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img alt="ล้างหน้าอย่างถูกวิธี" border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjjakUftYpAES4vLq1gVqQkFhx6y3zdB-CDcoX2L6uJr9YA4yTQijEv_oHh4wfeYvYX_dFVQsdsIjJljHCaD2SafWIDVardIKYRqS98wvU-ubHw2J7wR6GlYjWenwDx1uzBxWzXfu8_FxjX/s320/clear-face.jpg" title="ล้างหน้าอย่างถูกวิธี" width="320" /></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ทำความสะอาดใบหน้าบ่อยแค่ไหนดี?</span></b><br />
การล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว คือเวลาตื่นนอนตอนเช้า 1ครั้ง และอาบน้ำตอนเย็น 1ครั้ง เราไม่ควรล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้ง ลอกได้ นอกซะจากกรณีที่ผิวของเพื่อนๆ สกปรกจริงๆ โดยเฉพาะหลังทำกิจกรรมที่ร้อน และมีเหงื่อออกมาก เช่น หลังเล่นกีฬา ทำงานบ้าน ทำสวน ทำไร่ ปลูกต้นไม้ หรือคุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน เป็นต้น ก็เพิ่มการล้างหน้ารอบพิเศษอีกสักครั้งได้<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">วิธีล้างหน้า</span></b><br />
<ul>
<li>ไม่ควรใช้น้ำอุ่น หรือน้ำร้อนล้างหน้า เพราะมันจะทำให้ผิวแห้ง และกระตุ้นให้ผิวเหี่ยวเร็วขึ้น </li>
<li>ให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ลูบไล้อย่างเบาๆ มือ โดยล้างหน้าตั้งแต่คางไปจรดแนวไรผมที่หน้าผาก อย่าขัดถูใบหน้าแบบแรงๆ</li>
<li>หลังฟอกสบู่ต้องล้างสบู่ออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด จากนั้นซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าขนหนู ซับหน้าเบาๆ ไม่ควรเช็ดหน้าหรือถูซับใบหน้าแรงๆ เดี๋ยวผิวจะหยาบกร้านเอานะ </li>
<li>เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการดูแลทำความสะอาดใบหน้าในแต่ละวัน </li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการทำความสะอาดใบหน้า</span></b><br />
หลายคนคิดว่าแค่สบู่หรือน้ำเปล่าล้างหน้านั้นไม่จะพอหรือ? คำตอบคือ <b>เพียงพอแล้ว</b> ก็เพราะมีความเชื่อกันว่าสิ่งสกปรกทำให้เกิดสิว จึงทำให้ผู้ที่เป็นสิวหลายคนล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไป แถมยังใช้สบู่ที่แรงหรือโฬมชนิดเข้มข้นหรือสบู่ยา ส่งผลให้ใบหน้าอักเสบ ระคายเคือง และสิวกำเริบขึ้น (เคยสังเกตไหมว่าทำไมเรายิ่งล้างหน้า ใบหน้ายิ่งอักเสบ สิวก็ไม่ลด) บางคนหลังล้างหน้า ก็ยังตบท้ายด้วยการใช้สำลีชุบโลชั่นที่มีแอลกอฮอล์ผสม หรือคลีนเซอร์ หรือเอ็กซเทอร์นอลเช็ดหน้า เช็ดที่ไรก็จะได้คราบสีดำติดสำลีมาด้วยทุกครั้ง แล้วเข้าใจว่าสิ่งนั้นคือสิ่งสกปรกตัวการทำให้เป็นสิว ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด ต่อให้เรามีใบหน้าสะอาดเพียงใด หากใช้โลชั่นที่มีแอลกอฮอล์ผสมเช็ดหน้าย่อมได้คราบดำติดมาด้วยเสมอทุกคน ที่จริงแล้วคราบดำนั้นเป็นผิวหนังชั้นขี้ไคลส่วนที่ตายและพร้อมจะหลุดลอกออกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งชั้นขี้ไคลก็คือชั้นหนังกำพร้าที่เกาะติดอยู่บนผิวหนังชั้นบนควบคู่ไปกับชั้นน้ำมันเคลือบผิว ทั้งขี้ไคล ทั้งน้ำมันไม่ใช่สิ่งสกปรก หากแต่เป็นเกราะที่คอยคุ้มครองปกป้องผิวหน้าจากฝุ่นละออง เชื้อโรค และสารเคมีไม่ให้ซึมผ่านลงไปทำร้ายผิว ดังนั้นหากขาดชั้นน้ำมัน ชั้นขี้ไคล ผิวหน้าของคุณก็ดั่งปราศจากเกราะ ขาดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ เราจะพบว่าคนที่ล้างหน้าบ่อยๆ ใช้น้ำยา ใช้โทนเนอร์เช็ดหน้ามักจะมีปัญหาผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย อักเสบง่าย ระคายเคืองง่าย กลายเป็นผิวบอบบาง โดนอะไรนิดหน่อยก็แพ้เป็นผื่น วิธีแก้ผิวแพ้ง่าย ก็เพียง “ยุ่งกับผิวให้น้อยที่สุด” แล้วจะหายเอง<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">โดยสรุปแล้ว</span></b> ให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน หรือสบู่เจลใสของเด็กก็ได้ ลูบไล้อย่างเบาๆ มือให้ทั่วหน้า ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดหรือซับหน้าเบาๆ มือด้วยผ้าขนหนูให้แห้ง ไม่ควรเช็ดหน้าแรงๆ<br />
โดยธรรมชาติ ผิวหนังกำพร้าของคนเราจะหลุดลอกออกมาเองทุกวัน ก็จะพาเอาแป้ง เอาฝุ่นให้หลุดลอกออกมาด้วย ไม่ต้องออกแรงถูเพราะเป็นการไปทำร้ายผิว และไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้คลีนเซอร์ โทนเนอร์ หรือชุดล้างหน้า (ยกเว้นบางรายที่มีสภาพผิวมันมาก สามารถใช้ได้แต่ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม) เพราะถึงจะใช้ชุดล้างหน้าสุดหรูชุดละหลายพันบาทหรือใช้แค่สบู่เหลวของเด็กขวดละ 60 บาท หน้าก็สะอาดใสได้เท่ากัน<br />
<br />
เห็นไหมละค่ะว่า หากเราล้างหน้าให้ถูกวิธี ช่วย<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/" target="_blank">รักษาสิว</a> ป้องกันสิว ช่วยให้ใบหน้าเราสวยใสได้ด้วยAdminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-36586684771816950822012-11-13T22:00:00.000-08:002013-02-10T18:48:45.000-08:00วิธีรักษาสิวและป้องกันง่ายๆ ได้ผลแน่นอน<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6mNMSlqJZXZprn7Z8lnMHoZqdRaxbQf58YjX97EO5E_U9aCwM-qa4nSDf-9giqJDuvaMT0ywQWUQneUr8swvCq1d3Qni9z2Laa4cnGAp6UODnNymLNXCm9X8SBb3jguVKjsuWkgq4AI-_/s1600/01_15.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="131" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6mNMSlqJZXZprn7Z8lnMHoZqdRaxbQf58YjX97EO5E_U9aCwM-qa4nSDf-9giqJDuvaMT0ywQWUQneUr8swvCq1d3Qni9z2Laa4cnGAp6UODnNymLNXCm9X8SBb3jguVKjsuWkgq4AI-_/s200/01_15.jpg" width="200" /></a></div>
เรื่องสิว…สิว นับได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคน ทั้ง<b>สิวเสี้ยน สิวผด สิวอักเสบ สิวหัวช้าง </b>มีทั้งสิวเม็ดเล็ก เม็ดใหญ่ ที่มักขึ้นมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะบริเวณของ ใบหน้า แล้วก็ลามมาคอ และหลัง จนอาจทำให้เกิดแผลเป็น และแผลอักเสบได้ แต่ต่อไปนี้ คุณไม่ต้อง กังวลใจกับปัญหาเหล่านี้อีกแล้ว เพราะเรามีวิธีรักษาสิว และวิธีป้องกันการเกิดสิวมาฝากค่ะ เป็นมีวิธีดูแล รักษาผิวพรรณ ทั้งยามก่อนและ หลังเป็นสิว มาให้ทำกันตั้งหลายวิธี ถ้าพร้อมแล้วมาดูคำแนะนำจากเรากันเลย...<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;"> ทำไมต้องเป็นสิวด้วยล่ะ?</span></b><br />
ตอบได้ว่า<b><span style="font-size: large;"> </span>สิว (Acne)<span style="font-size: large;"> </span></b>ก็เป็นโรคผิวหนังอีกชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ เป็นหนองด้วย พบมากที่ใบหน้ามากกว่าที่อื่น เกิดได้กับคนทุกวัย แต่มักเป็นมากที่สุดกับวัยรุ่น อายุระหว่าง 12-24 ปี ซึ่งโดยปกติแล้ว พออายุย่างเข้าเลขสาม สิวก็มักจะค่อยๆ หายไปเอง ยกเว้น ในบางช่วง ที่ระดับฮอร์โมน ผันแปร เช่น ช่วงก่อนมีประจำเดือน ก็อาจมีมาให้เห็นบ้างประปราย ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร <br />
<br />
แต่ถ้าใครเป็นสิว แล้วไม่หายสักที สันนิษฐาน ไว้ก่อนได้เลยว่า อาจเป็นเพราะกรรมพันธุ์ อันนี้รักษาเองไม่มีทางหายแน่ ควรรีบไปปรึกษา คุณหมอวิเคราะห์เจาะลึกกัน ไปเลยว่าใช้ยาอะไรดี ถ้านอกเหนือจากกรณีนี้ ทดลองวิธีป้องกันและ<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/" target="_blank">รักษาสิว</a> คงมีสักข้อที่เหมาะกับคุณ<br />
<div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6mNMSlqJZXZprn7Z8lnMHoZqdRaxbQf58YjX97EO5E_U9aCwM-qa4nSDf-9giqJDuvaMT0ywQWUQneUr8swvCq1d3Qni9z2Laa4cnGAp6UODnNymLNXCm9X8SBb3jguVKjsuWkgq4AI-_/s1600/01_15.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6mNMSlqJZXZprn7Z8lnMHoZqdRaxbQf58YjX97EO5E_U9aCwM-qa4nSDf-9giqJDuvaMT0ywQWUQneUr8swvCq1d3Qni9z2Laa4cnGAp6UODnNymLNXCm9X8SBb3jguVKjsuWkgq4AI-_/s1600/01_15.jpg" /></a></div>
<div>
<br />
<b><span style="color: red; font-size: large;">แนวทางปฏิบัติสำหรับ “ป้องกัน และ รักษา"สิว" </span></b><br />
<b><span style="font-size: large;"><br /></span></b>
<b>1. หยุดเอามือสัมผัสหน้า หรือเท้าคางเวลาคิด</b> เพราะมือของเราเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ซึ่งจะทำให้สิวเห่อได้ และอย่าบีบ แกะ เกาสิว จะทำให้เกิดรอยแผลเป็น รอยดำจากสิว รอยนูน หรือ รอยหลุมจากสิวขึ้นบนหน้าได้ ดังนั้น ถ้าไม่อยากมีรอยแผลเป็นเอาไว้เตือนใจละก็ ดูแต่ตา (มืออย่าต้อง) เป็นดีที่สุดจร้าๆ <br />
<br />
<b>2. ดูแลรักษาความสะอาดให้ถูกวิธี </b><br />
2.1 ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า เช่น สบู่ เจล โฟม ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวมัน และมีตัวยาป้องกันการเกิดสิว <br />
<br />
2.2 ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง คือ เช้าและเย็น ด้วยสบู่หรือคลีนเซอร์อย่างอ่อนที่ไม่ระคายเคือง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู จำไว้ว่าไม่ควรล้างหน้าบ่อยๆ เพราะจะทำให้ผิวหน้าสูญเสียความชุ่มชื่น โดยไม่ได้ช่วยป้องกันสิวแต่อย่างใด <br />
<br />
2.3 เมื่อใช้คลีนเซอร์ล้างหน้า ต้องล้างออกให้หมดจด อย่าให้มีคราบตกค้าง ที่สำคัญ คือต้องล้างให้ขึ้นไปตีนผม เพื่อล้างน้ำมันและคราบสกปรก ที่อาจจะเป็นตัวก่อสิวออกไป สำหรับคนที่มีผมมัน ควรสระผมทุกวัน <br />
<br />
2.4 ล้างหน้าทุกครั้ง หลังทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก แต่เน้นว่า “ล้างด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น” <br />
<br />
2.5 งดใช้ผลิตภัณฑ์จำพวกขัด-ถู ทั้งหลายให้หมด รวมทั้งสบู่ที่ค่อนข้างแรง เพราะนอกจากไม่ช่วยให้สิวหาย ยังอาจทำให้ระคายเคืองหรือติดเชื้อมากขึ้นกว่าเดิม <br />
<br />
2.6 หน้ามันมาก อาจต้องใช้โลชั่นเช็ดหน้า หรือใช้ยารับประทานกลุ่ม Retionoids หรือ ยาคุมกำเนิดกลุ่ม Dian-35 เพื่อลดหน้ามัน <br />
<br />
<b>3. "โกนหนวด" ให้ปลอดภัย </b><br />
การโกนหนวด ก็มีผลกับสิวเหมือนกัน เพราะเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สร้างความระคายเคืองให้กับผิว <br />
วิธีการโกนหนวดที่ถูกต้องและปลอดภัย คือ ให้เลือกที่โกนหนวด ที่เหมาะมือ (จะได้ไม่พลาดพลั้งเวลาโกน) ใบมีดคม (ทำให้โกนง่าย) และใช้สบู่และน้ำ ทำความสะอาดหนวดเสีย ก่อน แล้วจึงค่อยชโลมครีม โกนหนวดลงไป จะทำให้เส้นขนนุ่มและโกนง่ายขึ้น <br />
<br />
<b>4. ไม่ควรอาบแดด</b> <br />
หลายคนเข้าใจผิดว่า อาบแดด ช่วยให้สิวยุบ จริงๆแล้วไม่เกี่ยว กันเลย แต่ที่เราเห็นเป็นอย่างนั้น เพราะสีผิวที่คล้ำขึ้น ทำให้มองเห็นเม็ดสิว ไม่ชัด และแสงแดดทำให้ผิวแห้งขึ้นเท่านั้น ซึ่งถ้าจะพูดถึงผลระยะยาว การอาบแดดมีแต่ภัยร้ายทั้งนั้น ทำให้ผิวเหี่ยวย่นก่อนวัย แถมยังอาจ มีมะเร็งผิวหนังเป็นของแถม และสำหรับคนที่ทายาแก้สิว การถูกแสงแดด แรงๆ จะทำให้ผิวไหม้เสียด้วย<br />
<br />
<b>5. เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสม </b><br />
- เลือกครีมกันแดด SPF ประมาณ 15 เพื่อป้องกันความมันของเนื้อครีม<br />
<div>
<br />
- ครีมบำรุง เลือกที่ไม่มีส่วนผสมของ น้ำมัน และไม่ควรมัน ไม่มีฮอร์โมนผสมในครีมบำรุง </div>
<div>
<br />
- ช่วงที่รักษาสิว ถ้าจะให้ได้ผลดี ให้เปลี่ยนมาใช้เครื่องสำอาง ประเภทปราศจากน้ำมัน (oil-free) ไม่ว่าจะเป็นรองพื้น, บรัชออน, อายแชว์โดว์ หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ </div>
<div>
<br />
- อย่าตื่นตกใจ ถ้าช่วง 2-3 สัปดาห์แรกของการรักษาสิว อาจจะทารองพื้นยากไปสักนิด เพราะตัวยาบางประเภท เช่น topical tretinoin หรือ benzoyl poroxide ทำให้ผิวแดง หรือเป็นสะเก็ด แต่ไม่นานอาการนี้จะหายไปเอง </div>
<div>
<br />
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ใส่ผมหรือจัดแต่งทรงผมสักระยะ เพราะสารในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มักตกค้างอยู่ ที่รากผม ให้เกิดสิว หรือก่อให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มขึ้น<br />
<br />
-เลือกใช้เครื่อง สำอางที่มีป้ายระบุบอกว่า noncomedogenic (ไม่ก่อให้เกิดสิว) </div>
<div>
<br />
- ครีมแก้แพ้ หรือ สบู่ล้างหน้าสำหรับผิวแพ้ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin) <br />
<br />
<b>6. ทำความสะอาดรูขุมขนด้วยสมุนไพร</b> <br />
ทำความสะอาดรูขุมขนอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ด้วยไอน้ำจากสมุนไพร ธรรมชาติ <br />
<u> ส่วนผสม </u><br />
-ใบไธม์แห้ง (thyme-เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง) 2 ช้อนโต๊ะ <br />
- ลาเวนเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะ <br />
- น้ำร้อน 1 ชามอ่าง <br />
<u> วิธีการทำ </u>ง่ายๆ แค่นำส่วนผสมใส่รวมกันในชามอ่าง แล้วใช้ผ้าขนหนู คลุม ศรีษะไว้เหนือชามอ่าง เพื่อให้ใบหน้าได้รับ ไอน้ำจากสมุนไพร ทั้งสองชนิด ประมาณ 10 นาที <br />
<u> หมายเหตุ :</u> ระวังอย่าเอาหน้าเข้าไปใกล้เกินไป ผิวอาจจะเกิดอาการแสบ เพราะความร้อน : สมุนไพรทั้งสองชนิด มีคุณสมบัติในการปกป้อง ผิวจากเชื้อจุลินทรีย์ และช่วยไม่ให้เกิดการติดเชื้อ <br />
<br />
<b>7. ออกกำลังกาย </b><br />
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนดี มีออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้เต็มที่ และจะช่วยให้คุณมีผิวที่สวยงามขึ้นด้วย ควรให้เวลาที่เพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย อย่างน้อย 3 ครั้ง /สัปดาห์ <br />
<br />
<b>8. กินเพื่อสุขภาพ </b><br />
- งดอาหารที่ทำให้เกิดสิวง่าย เช่น อาหารมัน อาหารรสจัด ทุเรียน ขนมหวาน ไอศครีม เป็นต้น ก็เพราะว่า เรากินอะไรก็ได้อย่างนั้น ดังนั้นกินไขมันหน้ายิ่งมัน ทนได้ก็กินไปค่ะ <br />
<br />
- ควรรับประทานผักและผลไม้จำพวกถั่วและเมล็ดธัญพืชในอาหารประจำวันของคุณ เพราะประกอบไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินมากมายที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณของคุณให้สวยเปล่งปลั่ง <br />
<br />
<b>9. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ </b><br />
พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะขณะที่นอนหลับ เซลล์ผิวหนังจะฟื้นฟูสภาพตัวเองที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน ลองเข้านอนให้เร็วขึ้นกว่าปกติ 1-2 ชั่วโมง หน้าตาจะสดใสขึ้นค่ะ <br />
<br />
<b>10. จัดการความเครียด</b><br />
สาเหตุของการเป็นสิวที่พบบ่อยคือความเครียด ดังนั้นควรหาวิธีผ่อนคลาย เพราะจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง รวมทั้งการทำงานของเม็ดเลือดขาวในร่างกายดีขึ้น <br />
<br />
<b>11. ทำดีท็อกซ์</b><br />
<div>
การเป็นสิวย่อมแสดงว่าร่างกายในช่วงนั้นมีท็อกซินหรือพิษสะสมในร่างกาย การทำดีท็อกซ์จะช่วย<br />
ขจัดสารพิษในร่างกายได้ <br />
<br />
<b><span style="color: red; font-size: large;">***</span></b> เห็นไหมล่ะค่ะว่า <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/" target="_blank">วิธีรักษาสิว</a>และป้องกันการเกิดสิวที่นำมาแนะนำนี้ไม่ได้ยุ่งยากเลย เป็นเพียงการสร้างสุขลักษณะนิสัยที่ดีเบื้องต้นในการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันแบบง่ายๆ เท่านั้นเอง ที่เราสามารถทำได้ทันที และเมื่อเราทำตามคำแนะนำนี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากจะทำให้ใบหน้าและผิวพรรณสวยเนียน ดูดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้นอีกด้วย ที่เป็นการดูแลตนเองและแก้ปัญหาสิวที่ต้นเหตุอย่างแท้จริงค่ะ<br />
<br />
<b>เรียบเรียงข้อมูลโดย</b> : <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/">acnecaresite.blogspot.com</a></div>
</div>
</div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-80296832239957138092012-11-11T18:00:00.000-08:002017-08-04T06:25:57.944-07:00วิธีรักษาสิวอย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืน ด้วยตนเองสิวเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหลายๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวัยรุ่นด้วยแล้ว สิวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทั้ง<b>สิวอักเสบ สิวเสี้ยน สิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวหัวช้าง </b>หรือ<b>สิวเรื้อรัง</b>ที่อาจขยายลุกลามกลายเป็นรอยแผลหรือหลุมสิวได้หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ยอมรักษา อย่างไรก็ตาม อย่าได้กังวลใจไป เพราะมีหลายวิธีดีๆ และสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองเพื่อกำจัดสิว วันนี้เราจึงได้รวบรวม<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/07/blog-post_1279.html">วิธีการรักษาสิวได้อย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืน</a>มาฝาก เป็นเคล็ดลับดีๆ ที่ช่วยให้คุณ<b>รักษาสิวแบบเร่งด่วน</b> ให้สิวหายได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ สิวยุบหายในเร็ววัน นอกจากนี้เรายังได้นำเคล็ดวิธีการรักษาสิวด้วยตนเองและการดูแลผิวเบื้องต้นที่คุณควรปฏิบัติทุกวันมาฝากด้วยค่ะ<br />
<div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiylYG4yXFW82RG359C0CoSUrBOLq2jmbtAGf3aEnu1Oln2Rylnnsa3UlgAXP65UObgaxOWDYngmzgBf8jYd0dFlNExhxyhBsTdKqEBubw5YE9Xobc26xekj8ic6YvUHxRFPa9Bfzx-ubv6/s1600/89023953-414x268.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiylYG4yXFW82RG359C0CoSUrBOLq2jmbtAGf3aEnu1Oln2Rylnnsa3UlgAXP65UObgaxOWDYngmzgBf8jYd0dFlNExhxyhBsTdKqEBubw5YE9Xobc26xekj8ic6YvUHxRFPa9Bfzx-ubv6/s1600/89023953-414x268.jpg" /></a></div>
<div>
<br /></div>
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;">วิธีการกำจัดสิวแบบเร่งด่วน</span></b><br />
แต่เมื่อมีความจำเป็นที่คุณต้องการกำจัดสิวให้หายไปในเพียงชั่วข้ามคืน ลองใช้วิธีการต่อไปนี้เพื่อการกำจัดสิวได้อย่างรวดเร็ว<br />
<br />
<b>1 ครีมแต้มสิว</b><br />
หากท่านเป็นสิวอักเสบ สิวบวมแดง สิวหัวหนอง ต้องใช้ตัวช่วยนี้เลย <b>"ครีมแต้มสิว"</b> ซึ่งมีตัวยาช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่หัวสิว ทำให้สิวแห้งและยุบเร็ว โดยครีมแต้มสิวที่มีหลายยี่ห้อให้เลือกด้วยกัน แถมราคาไม่แพง เช่น ครีม TOMEI, ครีม Smooth E Acne Hydro Gel, Clindalin Gel, ครีมภูมิพฤกษา 15, Benzac ac, ผงวิเศษ เป็นต้น<br />
ดูบทความ <span style="color: blue;"><a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2016/10/best-anti-acne-cream.html" target="_blank">แนะนำ 9 ครีมแต้มสิวให้สิวยุบชั่วข้ามคืน</a></span><br />
และดูวิธีรักษาสิวอักเสบ Step by step อย่างได้ผลในบทความ <b><a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2016/09/how-to-get-rid-of-pimples.html" target="_blank">การรักษาสิวอักเสบ</a></b><br />
<div>
<br />
<b>2 ยาสีฟัน </b><br />
ในตัวยาสีฟันจะมีสารไทรโคลซาน (triclosan) มีคุณสมบัติเป็นสารยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว โดยเริ่มจากล้างหน้าก่อนนอนและเช็ดให้แห้ง(เบาๆ) ใช้ยาสีฟันแต้มที่สิว หลังจากนั้น 30 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด <br />
<u>ข้อแนะนำ</u>คือ ใช้เป็นแบบครีมตัวยาสีฟัน ไม่ควรใช้เป็นแบบเจลยาสีฟัน เพราะมักจะมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่สามารถทำให้ผิวของคุณระคายเคืองได้<br />
<br />
<b>3 น้ำมะนาว </b><br />
ใช้น้ำมะนาวแต้มที่สิวก่อนเข้านอน ในน้ำมะนาวประกอบด้วยวิตามินซี ซึ่งทำหน้าที่เป็นยาสมานแผล มันมีประสิทธิภาพช่วยในการทำให้สิวของคุณแห้ง นอกจากนี้ การดื่มน้ำมะนาวยังเป็นการทำดีท็อกซ์จะช่วยขจัดสารพิษที่สะสมในร่างกายด้วยนะค่ะ <br />
<br />
<b>4 เบรคกิ้งโซดา </b><br />
เบรคกิ้งโซดา ก็คือ ผงฟูหรือโซเดียมไบคาร์บอเนตนั่นเอง ที่จะช่วยควบคุมระดับ pH ของผิว คุณสามารถใช้ผงฟูเพื่อผลัดผิวหน้าของคุณ โดยการนำผงฟูผสมกับน้ำ จากนั้นนำไปแต้มสิวบริเวณที่ติดเชื้อเท่านั้น และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ทิ้งไว้นานเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีผิวที่บอบบาง โดยผงฟูมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและยังช่วยกำจัดรอยแผลเป็นจากสิวได้ด้วยนะค่ะ <br />
<br />
<b>5 ใช้อบเชยผสมน้ำผึ้ง </b><br />
น้ำผึ้งเป็นยาประจำบ้านที่ดีในการรักษาสิว มันช่วยให้ผิวของคุณสามารถเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ น้ำผึ้งยังมีสารอาหารที่จำเป็นและช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว โดยเรานำน้ำผึ้งแต้มที่สิวที่มีการติดเชื้อและทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น หรืออีกวิธีคือ นำน้ำผึ้งมาผสมกับอบเชย จากนั้นพอกให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น หากกลัวเปื้อนที่นอนสามารถใช้ผ้าบางรองไว้บนหมอน <br />
<br />
<b>6 มากส์หน้าด้วยไข่ขาว </b><br />
ล้างหน้าและเช็ดหน้าของคุณให้สะอาด จากนั้นตอกไข่และแยกไข่แดงออก เพื่อแยกเอาเฉพาะไข่ขาว จากนั้นทาไข่ขาวบาง ๆ บนใบหน้าที่สะอาดและปล่อยให้แห้งประมาณ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำเช่นนี้สัปดาห์ละครั้ง แล้วคุณจะเห็นถึงความแตกต่างว่า ผิวของคุณกระชับขึ้น <br />
<br />
<br />
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>เคล็ดลับอื่น ๆ เกี่ยวกับวิธีการกำจัดสิวชั่วข้ามคืน ที่ควรทำอย่างยิ่ง </b></span><br />
<br />
- <b>หยุดเอามือสัมผัสหน้า หรือเท้าคางเวลาคิด</b> เพราะมือของเราเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ซึ่งจะทำให้สิวเห่อได้ ดังนั้นพยายามอย่า แคะ แกะ เกา ลูบคลำใบหน้า<br />
<br />
- <b>สวมเสื้อผ้าที่สะอาด</b> ผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอน ผ้าหุ่ม รวมทั้งเสื้อผ้า ควรสะอาดเพราะสัมผัสกับใบหน้า<br />
<br />
- <b>ล้างหน้าให้สะอาด</b> ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ด้วยสบู่อ่อนที่ไม่ระคายเคือง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู จำไว้ว่าไม่ควรล้างหน้าบ่อยๆ เพราะจะทำให้ผิวหน้าสูญเสียความชุ่มชื่น โดยไม่ได้ช่วยป้องกันสิวแต่อย่างใด<br />
<br />
- <b>ออกกำลังกาย</b> ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนดี มีออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้เต็มที่ และจะช่วยให้คุณมีผิวที่สวยงามขึ้นด้วย ควรให้เวลาที่เพียงพอสำหรับการออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้ง /สัปดาห์ (และนาน 30 นาที ต่อครั้ง)<br />
<br />
- <b>ทานอาหารเพื่อสุขภาพ</b> การดูแลรักษาสุขภาพจะช่วยให้คุณมีผิวที่สวยงามขี้น ควรรับประทานผักและผลไม้ธัญพืชเป็นประจำ เพราะประกอบไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินมากมายที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณของคุณให้สวยเปล่งปลั่ง <br />
<br />
- <b>นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ</b> เพราะขณะที่นอนหลับ เซลล์ผิวหนังจะฟื้นฟูสภาพตัวเองที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน ลองเข้านอนให้เร็วขึ้นกว่าปกติ 1-2 ชั่วโมง (นอนก่อน 4 ทุ่ม) หน้าตาจะสดใสขึ้นค่ะ<br />
<br />
- <b>จัดการความเครียด</b> สาเหตุของการเป็นสิวที่พบบ่อยคือความเครียด ดังนั้นควรหาวิธีผ่อนคลาย เพราะจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง รวมทั้งการทำงานของเม็ดเลือดขาวในร่างกายดีขึ้น <br />
<br />
- <b>ทำดีท็อกซ์ </b>การเป็นสิวย่อมแสดงว่าร่างกายในช่วงนั้นมีท็อกซินหรือพิษสะสมในร่างกาย การทำดีท็อกซ์จะช่วยขจัดสารพิษในร่างกายได้ <br />
<br />
- <b>ปรึกษาแพทย์ของคุณ</b> ในบางกรณีการเกิดสิวอาจจะรุนแรง หากใช้วิธีรักษาสิวด้วยตนเอง แล้วพบว่า อาการไม่ดีขึ้นหรือเป็นมากขึ้น ทางออกที่ดีที่สุดคือไปพบแพทย์ทันที การรักษาอื่น ๆ อาจมีความจำเป็นเพื่อรักษาสิวบนใบหน้าของคุณ <br />
<br />
<b>เรียบเรียง :</b> <b>acnecaresite.blogspot.com </b></div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-25079081319191644802012-11-05T20:44:00.000-08:002012-11-13T06:38:40.485-08:00ครีมมะหาด โลชั่นมะหาดของแท้ ดูยังไง<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<b>ครีมมะหาด โลชั่นมะหาดผิวขาว</b>มีการพูดถึงกันมาก คำถามคือ ครีมมะหาดดีจริงหรือ ผิวขาวได้จริงไหม และโลชั่นมะหาดของแท้ดูยังไง มีวิธีเลือกอย่างไร ปัจจุบันมีการขายครีมหรือโลชั่นมะหาดทั้งผ่านเน็ตหรือออนไลน์ ตามร้านค้า แผงลอยกันมาก มีการโฆษณาเกี่ยวกับครีมมะหาดผิวขาวมากมายหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งอาจมีทั้งครีมมะหาดแท้ และครีมมะหาดปลอม (คือที่มีส่วนผสมของมะหาดเพียงน้อยนิดหรือไม่มีเลย) ดังนั้นวันนี้ เรามีข้อแนะนำการเลือกซื้อครีมหรือโลชั่นมะหาดของแท้มาฝาก เพื่อจะได้มีแนวทางในการเลือกครีมมะหาดให้ได้ของดีไปใช้ </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiexKdJNjxfGvqkb_x5OvAS0aLyXg2yxLKmNMLaaAefTWlirZBjn565I6vSWqzHsIAsNNON3h8ajUe11KnsWpEhHbPft8C_1wPJvM-Hjun26K8LDwcZ6qSqP3uqFaO0UAy3Uespg3tIVDlF/s1600/2012-11-03_151408.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="267" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiexKdJNjxfGvqkb_x5OvAS0aLyXg2yxLKmNMLaaAefTWlirZBjn565I6vSWqzHsIAsNNON3h8ajUe11KnsWpEhHbPft8C_1wPJvM-Hjun26K8LDwcZ6qSqP3uqFaO0UAy3Uespg3tIVDlF/s320/2012-11-03_151408.jpg" width="320" /></a></div>
<span style="color: #990000; font-size: large;"><b>เลือกซื้อครีมมะหาดของแท้ได้อย่างไร</b></span><br />
<br />
<b>1. รายละเอียดผลิตภัณฑ์ครบถ้วน </b><br />
ผลิตภัณฑ์ต้องแสดงฉลากอย่างละเอียดและครบถ้วน ข้อมูลหรือรายละเอียดที่ต้องมีคือ ชื่อและชนิดของเครื่องสำอาง ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต วิธีใช้ คำเตือน ประมาณสุทธิ ชื่อส่วนผสมสำคัญหรือสารประกอบต่างๆ ในโลชั่น (ซึ่งจะต้องแสดงจำนวนเปอร์เซ็นต์ของสารประกอบไว้ด้วยเสมอ) ข้อมูลเครื่องหมายทางการค้าที่จดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ และเลขที่ใบรับแจ้งจาก อย. (ตัวเลข 10 หลัก) เป็นต้น หากผลิตภัณฑ์โลชั่นมะหาดที่ท่านกำลังจะซื้อแสดงรายละเอียดข้างต้นไม่ครบถ้วน ไม่ชัดเจน ควรหลีกเลี่ยงที่จะซื้อหามาใช้ <br />
<br />
<b>2. ความหน้าเชื่อถือของร้าน </b><br />
สำหรับหน้าร้านค้าที่ขายผ่านระบบออนไลน์นั้น เราอย่าหลงซื้อเพียงเพราะตัวเว็บแลดูสวยงาม หรือคำชักชวน โน้มนาว ว่าใช้แล้วดีอย่างโน้นอย่างนี้ เท่านั้น ต้องลองพูดคุยกับคนขาย, ดู feedback ประกอบว่าดีไหม มีลูกค้าเยอะไหมเพราะเป็นตัวการันตีอีกอย่างหนึ่งว่ามีคุณภาพ, ดูรีวิวลูกค้า, ดูการถามตอบกระทู้ในเว็บร้าน, ลองโพสกระทู้สอบถามตาม webbroad เป็นต้น ส่วนตัวครีมมะหาด ถ้าดูแค่รูปก็คงดูไม่ออก เพราะมันอยู่ในขวด ในระบบอินเทอร์เน็ตนั้น บางร้านก็ชอบคัดลอก (copy) รูปภาพของคนอื่นไปแอบอ้างว่าเป็นของตัวเอง แต่สินค้าที่ส่งให้ลูกค้าจริงๆ คนละเรื่องเลยก็มี ต้องระวัง อย่าหลงเชื่อแค่คำโฆษณา สำหรับบางร้านวางขายตามตลาดนัด เรายิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษเพราะอาจหลงไปตามคำโน้มน้าวได้ ควรดูฉลากและรายละเอียดตามข้อที่ 1 ให้ดี <br />
<br />
<b>3.เนื้อโลชั่นมะหาดของแท้ </b><br />
เนื้อโลชั่นมะหาดแท้นั้น เนื้อจะเข้มข้นและมีความหนืดพอสมควรเวลาเท ไม่เหลวจนเกินไป เนื้อครีมผสมและจับตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนสีของโลชั่นนั้นไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นของแท้หรือปลอมได้ ไม่ว่าจะเป็นสีครีม สีไข่ไก่ สีออกน้ำตาล เป็นเพราะส่วนผสมในการผลิต โดยทั่วไปถ้าเป็นโลชั่นมะหาดปลอมมักจะเก็บไว้ได้ไม่นานจะมีกลิ่นบูด กลิ่นจะออกเปรี้ยวๆ หน่อย และเนื้อโลชั่นก็จะค่อนข้างเหลว ถ้าจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์มะหาด ควรจะเลือกที่ระบุ % ความเข้มข้นของสารสกัดจากมะหาดไว้เท่านั้น เพราะอาจมีผลข้างเคียงกับผิวได้ ถ้าใช้ความเข้มข้นมากเกินไป อ่านเพิ่มเติมที่นี่<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/11/blog-post.html" target="_blank"> เรื่องควรรู้เกี่ยวกับครีมมะหาด</a><br />
<br />
<b>4. ทดสอบสารอันตรายแบบง่ายๆ </b><br />
<div>
ในครีมมะหาดปลอม ที่แอบอ้างว่าใช้สารสกัดจากแก่นมะหาด แท้จริงแล้วอาจเจือปนไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์ ไฮโดรควิโนน หรือปรอท ซึ่งสารเหล่านั้นจะทำให้หน้าขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่คุณรู้หรือไม่ว่าสารเหล่านี้เป็นสารอันตราย โดยเฉพาะยิ่งสารไฮโดรควิโนน หรือปรอทที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ประกาศห้ามใช้ในเครื่องสำอาง เมื่อใช้ครีมที่มีส่วนผสมดังกล่าวไปนานๆจะทำให้เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ อย่างถาวร วิธีทดสอบคร่าวๆ แบบง่ายๆ ก็คือ ดูจากการทดสอบสารปรอทในครีมหน้าเด้ง ด้านล่างนี้ <br />
<br />
<iframe frameborder="0" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/W5LWAn9v_XQ?feature=player_embedded" width="580"></iframe><br />
<br />
<span style="color: red;">***</span> ทางที่ดี ถ้าต้องการทดสอบสารอันตรายอย่างละเอียดแน่นอน 100% แนะนำให้เพื่อนๆ ซื้อชุดทดสอบสารอันตรายเครื่องสำอางจากกรมวิทย์มาทดสอบ ที่สามารถซื้อหาไปทดสอบเองที่บ้านได้ ซึ่งสะดวกและทำได้ง่ายเช่นกัน <br />
<br />
<b>5. ราคาของโลชั่นมะหาดโดยปกติ </b><br />
<div>
ควรจะมีราคาไม่ถูกจนเกินไป เพราะเพียงแค่หัวเชื้อมะหาดที่จะนำมาเป็นส่วนผสมกับครีมมะหาดนั้นก็มีต้นทุนที่สูงพอสมควร บางร้านจำหน่ายขายในราคาถูกๆ ขอให้ตั้งข้อสังเกตไว้เลยว่า อาจจะเป็นครีมมะหาดของปลอม หรือเขาอาจจะผสมมะหาดเพียงน้อยนิด บางที่อาจไม่ได้ผสมเลยด้วยซ้ำ หรืออาจจะเติมสารอื่นที่ช่วยให้ขาวไวขึ้น (ทดแทน) ซึ่งจะทำให้เห็นผลเร็ว 5-10 วัน ทำให้เราอาจจะคิดไปเองว่าที่ขาวขึ้นเป็นเพราะมะหาดก็เป็นไปได้<br />
<br /></div>
<b>ข้อแนะนำ</b> </div>
<div>
สุดท้ายนี้ หากท่านอยากลองซื้อ<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/11/blog-post_5.html" target="_blank">โลชั่นมะหาด</a>มาใช้จริงๆ แต่กลัวแพ้ ก็ควรเริ่มจากทดลองใช้ทาที่บริเวณแขนหรือขาก่อน เป็นเวลาอย่างน้อยสัก 1 เดือนขึ้นไป อย่าเพิ่งนำมาใช้ทาใบหน้า เพราะหากเกิดผลข้างเคียง จะได้ไม่ส่งผลเสียต่อใบหน้าเรา</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-68134791661225250222012-11-05T20:33:00.002-08:002012-11-05T20:46:05.671-08:00เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับมะหาด โลชั่นมะหาด ครีมมะหาด<b>มะหาดคืออะไร ครีมหรือโลชั่นมะหาดทำให้ผิวของคุณขาวขึ้นจริงหรือไม่</b> วันนี้เรามีเกร็ดความรู้ ข้อแนะนำเกี่ยวกับมะหาดมาฝาก เพื่อให้ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวครีมมะหาดกันมากขึ้น ก่อนที่จะซื้อหามาใช้ แน่นอนว่า ใครๆ ก็อยากสวยอยากงาม อยากมีผิวที่ขาวใสกันทั้งนั้น การใช้ครีมผิวขาวมะหาดนั้น บางคนก็ใช้แล้วรู้สึกผิวขาวเนียนขึ้น บางท่านก็ใช้แล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่เห็นผล หลากหลายเหตุผลต่างกันไป <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/11/blog-post_5.html" target="_blank">ครีมมะหาด</a>นั้นสามารถใช้ทาผิวได้แต่อย่าลืมเลือกซื้อของแท้และได้คุณภาพมาใช้ก็แล้วกัน จะได้ไม่มีผลข้างเคียงหรือผลเสียต่อผิว การเลือกใช้เครื่องสำอางสักชิ้นหนึ่งควรศึกษาให้ที่ถ้วน และมีความรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหามาใช้ ท่านสามารถอ่านบทความ <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/11/blog-post_5.html" target="_blank">การเลือกซื้อครีมมะหาด</a> ได้ที่นี่<br />
<div>
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgGBCoGwL00pk0SNxVCEog_J8WLS-3PZpFuLxs4IA6Drwwe0ZYZSTiHvLyjxnGSycuf-l6naMhVsXgASJaYrB2AozvFTealJ270S0x6dxE_QH9ZxwhBJSdA2-kah-O1MYvpziOpQJkNGjP6/s1600/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%941.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="" border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgGBCoGwL00pk0SNxVCEog_J8WLS-3PZpFuLxs4IA6Drwwe0ZYZSTiHvLyjxnGSycuf-l6naMhVsXgASJaYrB2AozvFTealJ270S0x6dxE_QH9ZxwhBJSdA2-kah-O1MYvpziOpQJkNGjP6/s320/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%941.jpg" title="มะหาด" width="320" /></a></div>
<div>
<br />
<b style="color: #990000; font-size: x-large;">เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับมะหาด และโลชั่นมะหาด </b><br />
<br />
1. มะหาด เป็นไม้ยืนต้นในตระกูล Moraceae ส่วนมากจะขึ้นอยู่ตามป่าดิบทั่วไป ลำต้นสูงประมาณ 30 เมตร ทรงพุ่มแผ่กว้าง ใบ เดี่ยว เรียงสลับรูปขอบขนาน หรือรูปวงรี กว้าง 8–10 ซม. ยาว 10–12 ซม. หลังใบเป็นมันสีเขียวเข้ม ท้องใบสาก ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ ค่อนข้างกลม ก้านสั้น แยกเพศ อยู่บนต้นเดียวกัน ผล เป็นผลรวม สีเหลือง ผิวขรุขระ มีขนนุ่ม ดูรายละเอียดเกี่ยวกับมะหาดเพิ่มเติมที่นี่ <a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%94">http://th.wikipedia.org/wiki/มะหาด </a><br />
<br />
2. ต้นมะหาดที่นำมาใช้ประโยชน์เพื่อการรักษาทางการแพทย์แผนไทยหรือเป็นสมุนไพรนั้น จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 5 ปี โดยใช้แก่น ราก หรือเปลือกได้ คนไทยโบราณใช้เปลือกมะหาดเพื่อลดอาการไข้ ใช้รากมะหาดในการขับถ่ายพยาธิ และกินแก่นมะหาดเพื่อลดอาการท้องผูก ท้องอืด หรือท้องเฟ้อ แก่นมะหาดยังใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคทางผิวหนัง เช่น อาการผด ผื่น คัน ได้อีกด้วย <br />
<br />
3. มีการศึกษาวิจัยว่า สารสกัดจากแก่นมะหาด ชื่อ oxyresveratrol สามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีได้ในหลอดทดลอง จึงมีคนพูดถึงการใช้มะหาดทำให้ผิวขาว <br />
<br />
4. แต่งานวิจัยทางการแพทย์ที่มีการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ ซึ่งอ้างอิงได้ในขณะนี้ มีเพียงเรื่องการใช้สารสกัดจากแก่นมะหาดในการรักษาเริมในหนู เนื้อหาของงานวิจัยที่มีอาจารย์จากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ ใช้สารสกัดจากแก่นมะหาดรักษาเริมในหนู อ่านได้ที่นี่ <a href="http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/21669230" rel="nofollow" target="_blank">http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/21669230 </a><br />
<br />
5. มี website ขายผลิตภัณฑ์มะหาด อ้างงานวิจัยในคนที่ได้ผลว่าทำให้ผิวขาวขึ้น แต่ค้นฐานข้อมูลทางการแพทย์แล้ว ไม่พบว่ามีงานวิจัยชิ้นนี้ตีพิมพ์ <br />
<br />
6. มาพูดถึงงานวิจัยเกี่ยวกับมะหาดที่หมอทราบแน่ว่ามี ที่คณะแพทย์ มศว. ประสานมิตร ซึ่งหมอเพิ่งได้คุยกับอาจารย์ที่คุมงานวิจัยนี้เมื่อ 3 วันก่อน มีการนำสารสกัดจากมะหาดมารักษาฝ้า เทียบกับการใช้ไฮโดรควิโนน พบว่ารักษาฝ้าได้ผลเทียบเท่ากับไฮโดรควิโนน แต่ผลข้างเคียงเยอะและเกิดการแพ้ได้ ผลข้างเคียงที่พบจากการใช้ครีมมะหาดในการรักษาฝ้าคือ หน้าแดง เกิดผื่น ระคายเคือง ซึ่งพบเมื่อใช้ที่ความเข้มข้น 5% ถึงแม้ว่าสารสกัดจากแก่นมะหาด จะสามารถใช้รักษาฝ้าได้เทียบเท่าไฮโดรควิโนน แต่ก็ยังไม่มีการวิจัยเรื่องการทำให้ผิวขาวและผลในระยะยาว <br />
<br />
7. โดยส่วนตัวคิดว่า ถ้าใครต้องการทดลองใช้ครีมหรือโลชั่นมะหาดเพื่อทำให้ผิวขาว ไม่ควรใช้ที่ความเข้มข้นเกิน 5% เพราะเสี่ยงต่อผลข้างเคียงได้มาก <br />
<br />
8. ถ้าจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์มะหาด ควรจะเลือกที่ระบุ % ไว้เท่านั้น เพราะมีผลข้างเคียงถ้าใช้ความเข้มข้นเกิน 5% สำหรับผลิตภัณฑ์ชนิดที่เป็นหัวเชื้อ น่าจะมีความเข้มข้นสูงมาก มีไว้สำหรับเป็นสารตั้งต้นในการผลิตเท่่านั้น ไม่ควรนำมาใช้โดยตรง <br />
<br />
9. ผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามที่ได้รับการรับรองจาก อย. จะมีการระบุ % ของสารไว้เสมอ ถ้าไม่มีการระบุ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าไม่ผ่านการรับรอง <br />
<br />
ข้อมูลบางส่วนรวบรวมจาก Twitter ของ ผศ. พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา @DrRungsima <br />
ที่มาบางส่วนจาก: <a href="http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=pakornkung&date=14-05-2012&group=1&gblog=3" rel="nofollow" target="_blank">SaiNoGo</a></div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-29345124790109506662012-08-09T01:20:00.003-07:002012-08-16T22:07:42.612-07:00สิวบอกโรค – เป็นสิวบอกอะไรได้มากกว่าที่คิด!!<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<br />
<b>สิวบอกโรคได้จริงๆ หรือ??…</b><br />
อาจเป็นอีกหนึ่งคำถามที่ใครหลายคนสงสัยและต้องการคำตอบ อยากรู้ข้อเท็จจริงว่าเป็นมาอย่างไร ถ้าสิวบอกโรคได้ แล้วถ้าเราเป็นสิว แสดงว่าร่างกายเรามีปัญหาอย่างนั้นเหรอ แค่คิดก็อยากรู้แล้ว สำหรับวันนี้ก็เป็นเรื่องน่ารู้ ๆเกี่ยวกับสิวบอกโรคมาฝากกันค่ะ แบบดูเล่นๆเพลิน แถมยังได้ความรู้อีกด้วยนะ เผื่อเป็นอีกวิธีง่ายๆ ในการสังเกตุดูแลสุขภาพของคุณ… เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปดูพร้อมกันเลยค่ะ<br />
<br />
<b><a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/08/blog-post_9.html" target="_blank">สิวบอกโรค</a></b> เป็นอีกวิธีการสังเกตุสุขภาพร่างกายของเราและคนรอบตัวเราได้ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพผิว จากศูนย์สุขภาพผิวเลียวนาร์ด เดรก (Leonard Drake) ได้นำเสนอแนวทางด้วยศาสตร์ใหม่จากการวิเคราะห์สภาพผิว ที่เรียกว่า<span style="color: #cc0000;"> “Face Mapping”</span> เป็นกระบวนการพิสูจน์และวิเคราะห์สภาพผิวด้วยศาสตร์ตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งในปรัชญาความคิดเบื้องต้น ที่ว่า "<span style="color: #274e13;"><b>ผิวหน้าสามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพภายในร่างกายที่มีผลกระทบต่อผิวพรรณ</b></span>” ทำให้เข้าใจได้ถึงสาเหตุการเกิดปัญหาสุขภาพผิวได้ ซึ่งจะเป็นการวิเคราะห์สภาพผิวที่ละเอียดกว่าการวิเคราะห์ผิวโดยทั่วไป โดยแบ่งส่วนใบหน้า ลำคอ และแผ่นอก ดังนี้<br />
<div>
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhSo4D09HWlPPXN9wEBDkuvh43pN9GQmxAn8OyQX_kykQuVqrfS_Arf7uUxJfuYH_GTqQ9N6UP8KHXZyuBHj-Ks-_7OOTQON5B0Z0ZvUJsjH_hOTS7WwlE_yqZOc1nF5QOuqHaRf_N9z5zr/s1600/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2584+face_mapping.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhSo4D09HWlPPXN9wEBDkuvh43pN9GQmxAn8OyQX_kykQuVqrfS_Arf7uUxJfuYH_GTqQ9N6UP8KHXZyuBHj-Ks-_7OOTQON5B0Z0ZvUJsjH_hOTS7WwlE_yqZOc1nF5QOuqHaRf_N9z5zr/s1600/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2584+face_mapping.jpg" /></a></div>
<div>
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">สิวบอกโรค โซนที่ 1 และ โซนที่ 3</span></b><br />
ตำแหน่งที่สิวขึ้น<b>: </b><span style="color: blue;"><b>หน้าผากด้านซ้าย และหน้าผากด้านขวา</b></span><br />
<b>ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ:</b> การย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต<br />
<b>สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ: </b>เนื่องจากคุณมีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด เพราะทารองพื้นหรือแต่งคิ้วมากไป<br />
<b>แนวทางการดูแลสุขภาพ:</b> ดังนั้นอาจต้องดื่มน้ำมากขึ้นหรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และล้างหน้าให้สะอาด<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">สิวบอกโรค โซนที่ 2</span></b><br />
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: <span style="color: blue;"><b>หว่างคิ้ว</b></span><br />
<b>ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ:</b> ตับ<br />
<b>สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ:</b> อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) การรสจัดหรืออาหารกินอาหารดึกเกินไป<br />
<b>แนวทางการดูแลสุขภาพ:</b> คุณควรงดหรือลดรับประทานอาหารที่ทีรสจัดเกินไป และต้องไม่กินจุกกินจิกในตอนดึก <br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">สิวบอกโรค โซนที่ 4, 10</span></b><br />
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: <span style="color: blue;"><b>ใบหูทั้ง 2 ข้าง</b></span><br />
<b>ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ:</b> ไต<br />
<b>สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ:</b> ล้างแชมพูหรือสบู่ออกไม่หมด ใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป ดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์หรือกินเนื้อสัตว์มากเกินไป<br />
<b>แนวทางการดูแลสุขภาพ :</b> หากรู้สึกร้อนที่หู คุณอาจต้องลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลง<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">สิวบอกโรค โซนที่ 5, 9</span></b><br />
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: <b><span style="color: blue;">แก้มทั้ง 2 ด้าน</span></b><br />
<b>ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ: </b> - แก้มส่วนบน ไซนัสและปอด<br />
- แก้มส่วนล่าง เหงือก และฟัน<br />
<b>สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ:</b> สูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็น ๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่างอาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน หรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด<br />
<b>แนวทางการดูแลสุขภาพ:</b> คุณควรลด/ละ/เลิก การสูบบุหรี่ลงได้จะดีมาก พร้อมทั้ง ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารครบ 5 หมู่ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ถ้าไม่ได้สูบบุหรี่ คุณควรลองสำรวจและเปลี่ยนใช้บลัชออน, รองพื้นที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ หรือหมั่นทำความสะอาดมือถือของคุณอยู่เสมอ หรือคุณลองสำรวจตรวจสุขภาพของเหงือกและฟันภายในช่องปาก ง่ายๆด้วยตัวเอง และที่สำคัญคือ คุณต้องดูแลเรื่องความสะอาดบนใบหน้าอยู่เสมอ<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">สิวบอกโรค โซนที่ 6, 8</span></b><br />
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: <span style="color: blue;"><b>รอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง</b></span><br />
<b>ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ:</b> ไต และปัญหาภูมิแพ้<br />
<b>สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ:</b> เครื่องสำอางที่ใช้อาจไม่เหมาะ หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือผักผ่อนน้อย เปลือกตาหากมีความระคายเคืองอาจมาจากการเป็นภูมิแพ้ หรือขาดสารอาหาร<br />
<b>แนวทางการดูแลสุขภาพ:</b> ลองทำดีท็อกล้างสารพิษบ้าง (ซึ่งทำได้ง่ายๆด้วยสูตรวิธีแบบธรรมชาติ ด้วยตนเอง), ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง/สัปดาห์<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">สิวบอกโรค โซนที่ 7</span></b><br />
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: <b><span style="color: blue;">จมูก และเหนือริมฝีปาก</span></b><br />
<b>ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ:</b> หัวใจ และระบบสืบพันธุ์<br />
<b>สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ:</b> หากมีผิวสีแดงเข้มที่จมูก อาจบ่งบอกถึงโรคความดันโลหิตสูง การอุดตันหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ บอกถึงผลกระทบจากฮอร์โมน เช่นกำลังมีประจำเดือน วัยทอง การใช้ยาคุมกำเนิด<br />
<b>แนวทางการดูแลสุขภาพ:</b> ควรหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ, ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ, ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 3 ครั้ง/ อาทิตย์, การกำจัดความเครียด มีสุขภาพจิตที่ดีอยู่เสมอ<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">สิวบอกโรค โซนที่ 11, 13</span></b><br />
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: <span style="color: blue;"><b>ใต้ริมฝีปากด้านซ้าย และขวา</b></span><br />
<b>ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ:</b> รังไข่<br />
<b>สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ:</b> อาจทำความสะอาดได้ไม่พอ หรือมาจากความสมดุลทางฮอร์โมน หากมีปัญหาการอุดตันช่วงใบหู อาจแสดงว่าฟันกรามมีปัญหา หรือว่าเพิ่งผ่าตัดฟันมา หรืออาจเกิดจากการมีรอบเดือน<br />
<b>แนวทางการดูแลสุขภาพ:</b> ลองตรวจเช็คสภาพฟันภายในช่องปากของคุณว่ามีปัญหาใดหรือไม่ ถ้ามี ควรดูแลรักษาสภาพฟันในช่องปากให้เรียบร้อย เพื่อสุขภาพฟันที่ดีของคุณ, พร้อมทั้งดูแลเรื่องการทำความสะอาดของร่างกาย เพื่อสุขอนามัยที่ดี<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">สิวบอกโรค โซนที่ 12</span></b><br />
ตำแหน่งของสิว: <b><span style="color: blue;">ปลายคาง</span></b><br />
<b>ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ:</b> กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก<br />
<b>สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ:</b> อาจกินอาหารรสจัดเกินไปจนลำไส้มีปัญหาในการดูดซึม<br />
<b>แนวทางการดูแลสุขภาพ:</b> คุณควรงดรับประทานอาหารที่ทีรสจัดเกินไป และควรดูแลระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ (เพราะโดยปกติแล้ว ร่างกายคนเราจะขับถ่ายของเสียออกมาทุกวัน)<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">สิวบอกโรค โซนที่ 14</span></b><br />
ตำแหน่งที่สิวขึ้น : <b><span style="color: blue;">ลำคอ และหน้าอก</span></b><br />
<b>สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ :</b>ความเครียดสูง<br />
<b>แนวทางการดูแลสุขภาพ : </b>คุณต้องจัดการกับความเครียดด้วยการหาวิธีผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย, พูดระบายความเครียด, นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หรือวิธีอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ 10 วิธีสลายความเครียด ในชั่วพริบตา<br />
<br />
นี่เป็นเพียงแค่รายละเอียดเพียงเล็กน้อยของการวิเคราะห์สภาพผิวหน้าที่ทำให้รู้ได้ถึงสุขภาพภายในร่างกาย ซึ่งจะทำให้เราทราบได้ว่าจะต้องดูแลบำรุงทั้งสุขภาพภายในและภายนอกอย่างไร เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแค่นี้คุณก็จะมีทั้งสีหน้า แววตาและผิวพรรณที่เป็นสุขได้แล้ว<br />
<span style="color: red; font-size: large;"><b>*** </b></span>วันนี้ถ้าส่องกระจกดูสิว ก็อย่าลืมสังเกตสุขภาพร่างกายไปพร้อม ๆ กันด้วยนะคะ<br />
<br /></div>
<div>
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก: ไทยโพสต์</div>
<div>
ภาพประกอบจาก: <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/">kapook.com</a></div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-82039766434165266152012-08-07T09:35:00.000-07:002016-08-21T21:54:07.054-07:00วิธีทำให้ผิวขาวหน้าใส ด้วยสมุนไพรไทย<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg_NxlqtpXR0M9lyI8_cxwazjXtgedoQy3OXv50s1TX2ROT695PKWoIHU4U50Pf8-Mrs0MomY3lliH0y6R1v8D0I35geh6wqVjg7Nj9eOgrA6_qnOk-SluXLDtNSJoaw2yIBCQ_8D7bLthW/s1600/%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7.jpg" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="วิธีทำให้ผิวขาวหน้าใส ด้วยสมุนไพรไทย" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg_NxlqtpXR0M9lyI8_cxwazjXtgedoQy3OXv50s1TX2ROT695PKWoIHU4U50Pf8-Mrs0MomY3lliH0y6R1v8D0I35geh6wqVjg7Nj9eOgrA6_qnOk-SluXLDtNSJoaw2yIBCQ_8D7bLthW/s320/%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7.jpg" title="วิธีทำให้ผิวขาวหน้าใส ด้วยสมุนไพรไทย" /></a></div>
<br />
<b>ผิวขาว หน้าใส</b> ย่อมเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ปรารถนา ยอมเสียเงินจ่ายไปกับเครื่องสำอางสารพัดเพียงเพื่อต้องการเป็นเจ้าของผิวขาวสวยใส แต่ผลที่ได้รับกลับมาอาจไม่เป็นดั่งที่หวังไว้ อาจเกิดผื่นแพ้ รอยแดงคล้ำ จากเครื่องสำอางราคาแพงเหล่านั้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ที่จริงแล้วคุณไม้ต้องสิ้นเปลืองเงินทองไปกับผลิตภัณฑ์ที่ยกสรรพคุณว่าเป็นสารสกัดจากธรรมชาติเหล่านั้นเลย เพราะวันนี้เรามีสูตรวิธีทำให้<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/08/1.html">ผิวขาวสวยด้วยสมุนไพร</a>มาฝากคุณผู้หญิงทั้งหลายค่ะ มีด้วยกันหลายสูตร อ่านแล้วนำไปทำดูนะค่ะ<br />
<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEivIUgoo6tfrOw0VhN4Zl6DKcfsfQycbnCVRqu6Ebmtb1__ml-5AaAGXUb8GgVI_YcF1krssx7QXRCyhwWiEL5V2gZrJzeiSlqc6RqQXQFuP_kux41Y0XfUfH4qC1SH8ntLJECGHre6bAET/s1600/%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89.png" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEivIUgoo6tfrOw0VhN4Zl6DKcfsfQycbnCVRqu6Ebmtb1__ml-5AaAGXUb8GgVI_YcF1krssx7QXRCyhwWiEL5V2gZrJzeiSlqc6RqQXQFuP_kux41Y0XfUfH4qC1SH8ntLJECGHre6bAET/s320/%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89.png" width="222" /></a><span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>ว่านหางจระเข้ : ช่วยให้ใบหน้าสวยเปล่งปลั่ง</b></span><br />
ว่านหางจระเข้จะช่วยให้ใบหน้าคุณสวยเปล่งปลั่งได้อย่างไรบ้าง<br />
1. สามารถรักษาผิวไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือผิวที่ถูกแสงแดดเผาไหม้จนเกรียมได้อย่างมีประสิทธิภาพทีเดียว ว่านหางจระเข้นี้จัดเป็นยาเย็น ส่วนมากใช้แล้วจะรู้สึกเย็นสบายบริเวณผิวหนังที่แสบร้อนจากการเผาไหม้<br />
<b><span style="color: orange;">วิธีใช้</span></b> นำว่านหางจระเข้สักก้านหนึ่งเลือกก้านที่แก่ ๆ สักหน่อย ล้างน้ำให้สะอาดฝานเอาเปลือกออก ล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้งอย่าให้มีเมือกสีเหลือง ๆ ติดอยู่ เพราะอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ให้ใช้แต่วุ้นสีขาวเอาไปทา หรือถ้าเป็นแผลจากน้ำร้อนลวกและไฟไหม้ ก็ฝานวุ้นว่านหางจระเข้ไปวางทับที่ปากแผล<br />
<br />
2. สามารถช่วยลดอาการที่เกิดจากผื่นคันที่มีสาเหตุมาจากการแพ้สารเคมีต่าง ๆ ใครที่ผ่านการใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีเยอะกัดผิวหน้าจนแดงเป็นปื้น หันมาใช้ว่านหางจระเข้ ช่วยรักษาดีกว่า จะได้ฟื้นฟูสภาพผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่งเหมือนเดิม<br />
<b><span style="color: orange;">วิธีใช้</span> </b>เช่นเดียวกับการรักษาแผลจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก<br />
<br />
3. ลบรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวและฝ้าบนใบหน้า หลายคนที่เจอกับปัญหานี้ ก็ลองหันมาใช้ว่านหางจระเข้รักษาดู ในกลุ่มวัยรุ่นมักจะเจอปัญหารอยแผลเป็นจากสิว ใบหน้าเป็นจุดด่างดำ แต่ขอแจ้งให้ทราบนิดหนึ่งว่าอย่านำว่านหางจระเข้ไปใช้รักษาสิว เพราะตัวมันเองไม่มีสรรพคุณเช่นนั้น แต่ในกรณีที่เป็นสิวที่มีหนอง หัวใหญ่ก็สามารถใช้แหะที่หัวสิวนั้นได้ เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบได้ ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่ วัยทำงานขึ้นมาหน่อยก็มักจะเจอปัญหาใบหน้าเป็นฝ้า จุดด่างดำ เพราะอายุมากขึ้น<br />
<br />
<span style="color: blue;"><b>ว่านหางจระเข้เจลพอกหน้า</b></span><br />
<span style="color: orange;"><b>สรรพคุณ </b></span>บำรุงผิว ป้องกันฝ้า ลบรอยจุดด่างดำ รักษาสิว<br />
<span style="color: orange;"><b>วิธีทำ</b></span> เลือกใบจากต้นว่านหางจระเข้ที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป โดยเลือกใบล่างสุดซึ่งจะอวบโต มีวุ้นมาก นำมาแช่น้ำเพื่อล้างยางเหลืองๆ ออกให้หมด (ยาง เหลืองมีฤทธิ์ระคายเคืองผิว ทำให้แสบร้อน เป็นผื่นแดง) จากนั้นปอกเปลือกออก แล้วเอาวุ้นที่ได้ล้างน้ำให้สะอาดอีกทีหนึ่ง นำวุ้นไปปั่นหรือใช้มือขยำ ก็จะได้เจลว่าน หางจระเข้ การใช้ว่านหางจระเข้สดได้ผลดีกว่าผลิตภัณฑ์แปรรูป ซึ่งจะมีปัญหาการคงตัวเมื่อถูกความร้อน<br />
<span style="color: orange;"><b>วิธีใช้</b></span> ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้ง แล้วใช้เจลพอกทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตาและรอบปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก สูตรนี้เหมาะสำหรับคนผิวมัน สำหรับคนผิวแห้งไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้เดี่ยว ๆ ควรเติมน้ำมันมะกอกกับไข่แดง ตีให้เข้ากัน แล้วจึงพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด<br />
<b> ข้อควรระวัง:</b> ไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้กับสิวหัวหนอง เพราะฟิล์มจากว่านจะทำให้สิวหายช้า<br />
อาจทดลองทาวุ้นบริเวณท้องแขนดูก่อน หากมีผื่นแดงหรือคันไม่ควรใช้ทาหน้า<br />
<br />
<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiHlZ-b_xb2_r6QL6JHIX2pYiF1OzECQy4e6eeoSGfNJjapanpJwnIyE4RS5O34zTUNOAXQuW3sCYsCH1R3OwVz1yQcPAEy2_S-nBL443m_bjFrjqHcs0Zt0AioaG0wcTLsm7icPXFwvxb-/s1600/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81.png" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiHlZ-b_xb2_r6QL6JHIX2pYiF1OzECQy4e6eeoSGfNJjapanpJwnIyE4RS5O34zTUNOAXQuW3sCYsCH1R3OwVz1yQcPAEy2_S-nBL443m_bjFrjqHcs0Zt0AioaG0wcTLsm7icPXFwvxb-/s320/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81.png" width="231" /></a><span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>มะขาม : ช่วยแก้ไขปัญหาผิวแห้งกระด้างเป็นขุย</b></span><br />
มะขามเป็นความงามจากก้นครัวอีกชนิดหนึ่งที่ใช้กันต่อเนื่องมายาวนานบรรดาสุภาพสตรีทั้งหลายในยุคเก่าคุ้นเคยกันมากกับการนำมะขามมาใช้อาบน้ำ-ล้างหน้า แทนการใช้สบู่หรือครีมล้างหน้า และครีมอาบน้ำ จะช่วยให้ผิวหนังไม่แห้ง แสบ หรือคัน<br />
<div>
<br />
<b><u>คนที่มีปัญหาผิวแห้ง กระด้าง ขาดความชุ่มชื้น ดูแล้วไร้ชีวิตชีวา</u></b> ถ้าหันมาใช้มะขามเปียกประมาณ 1 กำมือ ใช้ถูเนื้อตัวร่างกาย ทำความสะอาดผิวหน้าทุกวัน ไม่นานจะเห็นผลทันทีเลยว่าผิวที่เคยมีปัญหามาตลอดนั้นจะนุ่ม ผิวไม่แห้งเนื้อตัวไม่ตึง ไม่คัน เห็นได้ว่าผิวพรรณมีชีวิตชีวาอย่างไม่น่าเชื่อเลย หรือท่านที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นหรือช่วงหน้าหนาวแล้ว ยิ่งน่าจะหันมาใช้มะขามเปียกแทนการใช้สบู่ แล้วคุณจะพบว่าหน้าหนาวนี้ผิวคุณจะสวยตลอดฤดูกาลนั้นทีเดียว พออาบน้ำเสร็จก็อาจจะใช้ขมิ้นลูบไล้ผิวกาย ผิวหน้าเพิ่มความสวยอีกดีกรียิ่งดีใหญ่<br />
<br />
หรือ<b><u>ถ้าอยากจะทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก</u></b> ก็ให้ใช้มะขามเปียกแช่น้ำให้เหนียว ๆ หน่อยเอามาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเปล่า คุณจะพบว่าผิวของคุณสะอาดขึ้นอย่างมากทีเดียว</div>
<div>
<br />
<u><b>สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องฝ้า</b></u> ก็ใช้มะขามเปียกนี้รักษาได้ วิธีใช้ก็คือ เอามะขามเปียกแช่น้ำพอเหนียว แล้วเอาทั้งกากและเนื้อถูบริเวณที่เป็นฝ้าเบา ๆให้ทั่ว ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก นอกจากนี้ยังมีสูตรการทำครีมมะขามใช้เอง สามารถใช้แทนสบู่ได้มาฝากอีกด้วย<br />
<br />
<b><span style="color: blue;">สบู่ครีมมะขามเปียก</span></b><br />
<span style="color: orange;"><b>ส่วนผสม</b></span><br />
1. มะขามเปียก<br />
2. นมสด<br />
3. น้ำผึ้ง<br />
<span style="color: orange;"><b>วิธีทำ</b></span><br />
1. เอามะขามเปียกประมาณ 2-3 ฝัก แกะเอาใยออกให้หมด<br />
2. เอามะขามเปียกไปคั้นรวมกับนมสด 6 ช้อนแกง คั้นให้ข้นจนได้ที เสร็จแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง<br />
3. นำน้ำผึ้งผสมกับส่วนผสมที่ได้จากข้อสองแล้วคนให้เข้ากัน (สัดส่วนของสูตรในการทำสบู่ครีมมะขามสามารถปรับได้ตามความต้องการของสภาพผิวหน้า) เสร็จแล้วให้นำไปนึ่งให้สุก เพื่อช่วยยืดอายุสามารถเก็บไว้ได้นาน<br />
<b><span style="color: orange;">วิธีใช้</span></b> ใช้เวลาล้างหน้าหรืออาบน้ำ ใช้ครีมทาบาง ๆ ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งแล้วล้างออก<br />
สรรพคุณ ใช้ล้างหน้าแทนสบู่ ชำระสิ่งสกปรก รักษาฝ้า ทำให้ผิวพรรณนุ่มนวล<br />
<br />
<span style="color: blue;"><b>มะขามเปียกครีมพอกหน้า</b></span><br />
<span style="color: orange;"><b>สรรพคุณ </b></span>: บำรุงผิว ลบรอยเหี่ยวย่น ตีนกา<br />
<b><span style="color: orange;">ส่วนผสม </span></b> มะขามเปียก 1 กำมือ <br />
นมสดรสจืด 3 ช้อนโต๊ะ </div>
<div>
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ<br />
<b><span style="color: orange;">วิธีทำ</span></b> มะขามเปียกแกะเม็ดเอารกออกแล้วล้างน้ำให้สะอาดผสมกับนมแล้วขยำให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าขาวบางหรือกระชอนตาละเอียด เติมน้ำผึ้งคนให้เข้ากันก็จะได้ครีมมะขามเปียก ใส่ภาชนะมีฝาปิดเก็บไว้ในตู้เย็น<br />
<b><span style="color: orange;">วิธีใช้ </span></b>ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด ทาครีมมะขามเปียกทิ้งไว้ 10 นาที ล้างด้วยน้ำสะอาด สูตรข้างต้นนี้เหมาะกับคนผิวมัน ถ้าคนผิวแห้งให้ลดมะขามเปียก เพิ่มปริมาณนมสดกับน้ำผึ้งให้มากขึ้น<br />
<br />
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>ทนาคา100%</b></span><br />
<span style="color: magenta; font-size: large;"><b><br /></b></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgdtOofEWKtLQmv6rJvxfwKflvQ3KyMQDYYGEoVJFZGsYf0F1BVvglnQngf-3rloztduqFheqk942fjqATephO7b2JdGufgf__qkZaj-msaY2nXmWBP6Y-HZmjRjwYFaPhu5LYJrZ_vw4P3/s1600/%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2+%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgdtOofEWKtLQmv6rJvxfwKflvQ3KyMQDYYGEoVJFZGsYf0F1BVvglnQngf-3rloztduqFheqk942fjqATephO7b2JdGufgf__qkZaj-msaY2nXmWBP6Y-HZmjRjwYFaPhu5LYJrZ_vw4P3/s1600/%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2+%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2.png" /></a></div>
<span style="color: magenta; font-size: large;"><b><br /></b></span>
ถ้าเป็นสมุนไพรไทยที่เกี่ยวกับผิวพรรณละก็ต้องนี่เลย "ขมิ้นชัน" แต่ถ้าเป็นสมุนไพรเคล็ดลับผิวสวยของพม่าก็ต้อง "ทนาคา" หรือ "กระแจะ" ไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่เวลานี้ถูกนำมาเป็นส่วนผสม ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลากหลาย เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า "ไม้ทนาคา" นั้น พม่าใช้ฝนกับหินผสมกับน้ำ ใช้ประทินผิวมาแต่โบราณ จนมีสำนวนเปรียบเทียบว่า "ผิวพม่านัยน์ตาแขก"ผิวสาวพม่าส่วนใหญ่จึงสวย เนียน และผิวค่อนข้างละเอียด เนื้อไม้ทนาคา ซึ่งเป็นสมุนไพรที่พบได้มาก จากทางฝั่งพม่า เมื่อตากแห้งสนิทและนำมาบดผงแล้วสามารถนำมาผสมทำครีมพอกหน้าได้อย่างวิเศษ<br />
<b>สามารถผสมกับ: </b><br />
*น้ำผึ้ง(สำหรับคนผิวแห้ง)<br />
*น้ำมะขามเปียก(สำหรับผิวที่ด่างดำ)<br />
*ขมิ้นชัน(สำหรับผิวที่มีสิว)<br />
*นมสดรสจืด(สำหรับผิวที่ต้องการความนุ่มเนียน)<br />
*โยเกิร์ต (สำหรับผิวที่ต้องการความนุ่มและใส)<br />
เมื่อบดผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็จะได้ครีมสำหรับพอกหน้าที่มีเนื้อสัมผัสไม่ถึงกับละเอียดนัก ทั้งนี้ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกเผยผิวใหม่ เนื้อครีมอุดมไปด้วยสมุนไพร ที่มีสรรพคุณช่วยประทินผิว มีกลิ่นหอมสมุนไพรธรรมชาติ (ไม่แต่งกลิ่น) และไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อผิว"<br />
<b><span style="color: orange;">วิธีใช้</span></b> เพียงนำครีมผสมให้ข้น(ผสมครั้งต่อครั้ง ห้ามผสมทิ้งไว้) มาพอกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แห้งแล้วใช้มือขัดออก ทำทุกวันก่อนอาบน้ำ แค่สัปดาห์เดียวจะรู้สึกว่าผิวหน้า ที่แห้งหยาบกร้าน กลับมาชุ่มชื้นมีน้ำมีนวล และดูเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ส่วนริ้วรอยจากฝ้า หรือกระ ที่มีอยู่จะค่อยๆ จางลง<br />
<br />
<span style="color: red; font-size: large;"> *** </span>นี่คือภูมิปัญญาจากสมุนไพรพื้นบ้าน ที่สามารถแต่งเติม ความงามได้ไม่แพ้ครีมของนอก หรืออีกนัย ถ้าคุณได้ลองอาจจะดีกว่าของนอก ถูกกับผิวชาวเอเชียอย่างเรามากกว่าด้วยซ้ำค่ะ*<br />
<u><b> ข้อมูล </b></u>ความมหัศจรรย์ของทนาคา จากไทยรัฐ ฉบับวันที่ 21มค.48 หน้า7<br />
<br />
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>ว่านนางคำ100%</b></span><br />
<span style="color: magenta; font-size: large;"><b><br /></b></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhK1JeFd1MHYuJIdgTxugtc9fDLd1nQUSmQZyaWDUzJO1voghO91z2oQaU0VTLMR0Ig-mDavfpotquUVqrA-IdK6Yh8J_MltnezdkMhXNZqyt1Wfr8rk3zGUiOrnyFd6le0kkbrpzQ6mT9I/s1600/%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3+%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhK1JeFd1MHYuJIdgTxugtc9fDLd1nQUSmQZyaWDUzJO1voghO91z2oQaU0VTLMR0Ig-mDavfpotquUVqrA-IdK6Yh8J_MltnezdkMhXNZqyt1Wfr8rk3zGUiOrnyFd6le0kkbrpzQ6mT9I/s1600/%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3+%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2.png" /></a></div>
<span style="color: magenta; font-size: large;"><b><br /></b></span>
ว่านนางคำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Curcuma amada (aromatica) หัวว่านมีสีเหลืองเข้ม กลิ่นหอม เป็นสมุนไพรตัวหนึ่งของต้นตำรับความงามโบราณ มีเรื่องเล่ากันว่า "<b><span style="color: purple;">พระนางคลีโอพัตรา</span></b>" ใช้ว่านนางคำเป็นตัวช่วยประทินผิวให้งดงามอยู่ตลอดเวลา ในหัวว่านนางคำมีสาร curcumin และวิตามินหลายชนิด ช่วยบำรุงผิว ป้องกันเม็ดผดผื่น ช่วยทำสะอาดผิวกาย ลดรอยตกกระและจุดด่างดำ เนียนนุ่ม รักษาผดผื่นคัน และรักษาอาการคันจากการแพ้ตามร่างกายรักษาผิวพรรณให้ดูผุดผ่องสวยงามดี รักษาโรคผิวหนัง<br />
<b><span style="color: orange;"> วิธีใช้</span></b> สำหรับผิวหน้าและผิวกาย ใช้ขัดและพอกผิวโดยผสมกับน้ำ หรือถ้าจะให้ได้ผลดี ควรผสมกับนม หรือโยเกิร์ต กับน้ำผึ้ง จะช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียน สวยยิ่งขึ้น<br />
<br />
<b>ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมดีๆ จาก:</b><br />
มูลนิธิสุขภาพไทย โทร.954-3490-1<br />
<a href="http://thaikasetsart.com/" rel="nofollow" target="_blank">thaikasetsart.com</a><br />
<a href="http://www.oknation.net/blog/PCU-tapra/2009/09/20/entry-5" rel="nofollow" target="_blank">หมออนามัยตาพระ</a></div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-22643897878671319032012-08-07T09:24:00.000-07:002012-08-16T11:50:48.549-07:00วิธีทำให้ผิวขาวใส แบบธรรมชาติ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<b>วิธีทำให้ผิวขาวใส แบบธรรมชาติ</b> - คุณรู้หรือไม่ว่า พืชผักผลไม้ที่เราสามารถหาได้ง่ายๆ ในครัวเรือน นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังมีสรรพคุณมากมายที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณของคุณอีกด้วย เพราะในผักผลไม้ ล้วนมีวิตามิน แร่ธาตุ สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและผิวพรรณ ช่วยให้ผิวของคุณฟื้นฟูและกลับมาสวยได้ดั่งเดิม หรือหากว่าคุณมีผิวที่สวยอยู่แล้ว ก็จะส่งผลให้ผิวของคุณดียิ่งขึ้น อยากเป็นเจ้าของผิวหน้าขาวใส ผิวกายเปล่งปลั่ง แถมไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทอง ต้องรีบอ่าน…ด้วยสูตรวิธีทำให้ผิวหน้าขาวใส แบบธรรมชาติที่เราได้นำมาฝาก ดังนี้ค่ะ<br />
<div>
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiegqnlVEUNQH-ow57WL-d-u_SbMkg6T7OraWeOMHze8Qboih3-58YzbVlPudf06sAK8QOy8An5zx1ye-dXRBXinDSPtaV_hTa_pctZoBiP9b1KykpIB5ksRUqz1Nu1gbWRqNelCNTYaz_3/s1600/facial-tips01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiegqnlVEUNQH-ow57WL-d-u_SbMkg6T7OraWeOMHze8Qboih3-58YzbVlPudf06sAK8QOy8An5zx1ye-dXRBXinDSPtaV_hTa_pctZoBiP9b1KykpIB5ksRUqz1Nu1gbWRqNelCNTYaz_3/s1600/facial-tips01.jpg" /></a></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>1.กล้วย </b></span><br />
กล้วย ไม่ว่าจะกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ ล้วนให้คุณค่าด้านสุขภาพกับเราทั้งสิ้น จะกินก็ได้ จะเอามาทำสวยก็ดี สำหรับสาวผิวแห้ง ผมแห้ง กล้วยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาได้ สำหรับสาวผิวแห้ง กล้วยจะช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นได้ เพราะโปรตีนและไขมันตามธรรมชาติ ทั้งนี้ยังช่วยลบริ้วรอยด้วย ส่วนคนที่มีปัญหาผมและหนังศีรษะแห้ง กล้วยจะเสริมความเงางาม และยังทำให้ผมมีน้ำหนักดีขึ้น มาดูกันเลยว่า สูตรหน้าใส ด้วยกล้วยนั้น มีอะไรบ้าง <br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">มาส์กผิวนุ่มชุ่มชื้นด้วยกล้วยหอม</span> </b><br />
<b>ส่วนผสม</b> กล้วยหอมสุก 1 ผล, น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ, ไข่ขาว 1 ฟอง, ดินสอพองบด 1 ช้อนโต๊ะ, โยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ <br />
<b>วิธีทำ </b><br />
1.ตีไข่ขาว เทโยเกิร์ตและน้ำผึ้งลงไป ตามด้วยดินสอพอง คนให้เข้ากันจนเนื้อเนียนละเอียด <br />
2.บดกล้วยหอมสุกจนเนื้อละเอียดเนียน แล้วลงผสมกับส่วนผสมในข้อ 1 <br />
เมื่อได้ส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด ทาส่วนผสมที่ได้บนใบหน้า คอ และไหล่ นวดเบา ๆ ให้ทั่ว ทาให้หนาพอควร ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น (แต่ไม่อุ่นจัด) <br />
ทำเป็นประจำประมาณ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ ผิวหน้าจะดูนุ่มนวลและสดใสมากขึ้น <br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">กล้วยน้ำว้าสบู่ถนอมผิวหน้า </span></b><br />
<b>สรรพคุณ : </b>ช่วยทำความสะอาดผิดหน้าได้ดี ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น <br />
<b>ส่วนผสม</b> กล้วยน้ำว้า 2 ผล<br />
<div>
มะนาว 1 ผล <br />
<b>วิธีผสม</b> ปอกเปลือกกล้วยออกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆนำลงเครื่องปั่นบดให้ละเอียด นำมะนาวผ่าขวางแล้วคั้นเอาแต่น้ำเทลงในกล้วยที่บดเรียบร้อยแล้วคนให้เข้ากัน <br />
<b>วิธีใช้ </b><br />
ใช้น้ำสะอาดลูบหน้าพอให้เปียก ทาสบู่กล้วยถนอมผิวที่เราทำไว้ทาให้ทั่วหน้าพักไว้ 3-5 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะรู้สึกว่าหน้าสะอาดมากและไม่แห้งตึง <br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">กล้วยน้ำว้าครีมพอกหน้า </span></b><br />
<b>สรรพคุณ: </b>บำรุงผิวให้เนียนขาวลดริ้วรอยความเหนื่อยล้า <br />
<b>ส่วนผสม</b> กล้วยสุก 2 ผล/น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ/ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำสะอาดเย็นจัด 1 ขัน <br />
<b>วิธีทำ </b><br />
ปอกเปลือกกล้วยออกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆนำลงเครื่องปั่นบดให้ละเอียด นำน้ำมะนาวและน้ำผึ้งเทลงไปปั่นผสมกันให้เป็นเนื้อเดียวสังเกตุถ้าเนื้อครีมเริ่มฟูก้อใช้ได้ <br />
<div>
<b>วิธีพอกหน้า</b><br />
ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดซับหน้าให้แห้งทาครีมกล้วยน้ำว้าที่ทำไว้ทาให้ทั่วใบหน้ายกเว้น ดวงตาและขอบจมูก พอกทิ้งไว้ประมาน 20-30 นาทีล้างออกด้วยน้ำเย็นจัด </div>
<div>
- ควรพอกครีมกล้วยอาทิตละครั้ง ใบหน้าจะนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด <br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">กล้วยไข่ไร้สิว </span></b><br />
<b>สรรพคุณ</b> ช่วยสมานผิว ขจัดสิวเสี้ยน <br />
<b>ส่วนผสม</b> กล้วยไข่ 2 ผล / ไข่ไก่เฉพาะไข่ขาว 1 ฟอง / น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ <br />
<b>วิธีทำ</b><br />
นำกล้วยไข่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วใส่ลงในโถปั่นใส่ไข่ขาวปั่นจนละเอียดแล้วยกลง พักสักครู่ แล้วใส่น้ำผึ้งและน้ำตาลทรายแดงตามลงไป คนให้เข้ากันอย่างช้าๆ <br />
<b>วิธีใช้ </b><br />
นำครีมพอกให้ทั่งหน้าเว้นดวงตาใช้นิ้วค่อยๆถูนวดเบาๆ วนทวนเข็มนาฬิกาอย่างช้าๆทำอย่างนี้ประมาน1-2นาทีแล้วทิ้ไว้สักคู่จนรู้สึกตึงจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดเราจะสึกถึงความสะอาดมากเลย <br />
<br />
<b><span style="color: #990000;"> กล้วยหอมและนมสด </span></b><br />
<b>สรรพคุณ</b> ช่วยให้ผิวขาวเนียนสวยขึ้น <br />
<b>วิธีทำ</b><br />
นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน <br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;"><span style="font-size: large;">2.น้ำผึ้ง (Apis dorsata)</span><span style="font-size: large;"> </span></span></b><br />
ได้จากผึ้ง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส ฟรุคโตส ขี้ผึ้ง อัลบูมินอยด์ ละอองเกสรดอกไม้ และฮอร์โมนเอสโตรเจน จำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้งเป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติ ที่ให้ประโยชน์สูง และหาง่าย นอกจากนี้ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม <br />
<b>วิธีทำ</b><br />
ให้ผิวขาว ด้วยน้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ <br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;">3.มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.) </span></b><br />
ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสดนำมาพอกหน้าจะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้ <br />
<b>สรรพคุณ</b> สมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ <br />
<b>ส่วนผสม</b> มะเขือเทศ 1 ผล <br />
รำข้าวหรือข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ <br />
<b>วิธีทำ</b><br />
นำมะเขือเทศไปปั่นหรือบดให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำผสมรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตคนให้เข้ากัน <br />
<b>วิธีใช้</b><br />
ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้งพอกครีมมะเขือเทศทิ้งไว้นานเท่าที่มีเวลาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ในมะเขือเทศมีวิตามินเอมาก ซึ่งเป็น วิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำมัน การใช้รำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นส่วนผสม เพื่อให้น้ำมันในรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นตัวพาวิตามินเอเข้าสู่เซลผิวหน้าได้ดีกว่า การฝานมะเขือเทศมาแปะหน้าเพียงอย่างเดียว สูตรนี้ใช้ได้ทั้งคนผิวแห้งและผิวมัน <br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;">4.แตงกวา (Cucumis sativas Linn.) </span></b><br />
จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบันมีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช่วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล <br />
<b>สรรพคุณ</b> สมานผิว ลบรอยเหี่ยวย่น <br />
<b>ส่วนผสม</b> แตงกวา 1 ผล <br />
ไข่ขาวจากไข่ไก่ 1 ฟอง <br />
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา <br />
<b>วิธีทำ</b><br />
ปอกเปลือกแตงกวาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปปั่นให้ละเอียด เติมไข่ขาวและน้ำมะนาวปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้ครีมพอกหน้าแตงกวา <br />
<b>วิธีใช้</b><br />
ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ใช้ครีมแตงกวาพอกให้ทั่วหน้า ยกเว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ 20 นาทีล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้เหมาะ กับคนผิวมัน สำหรับคนผิวแห้ง ให้นำแตงกวาไปตุ๋นจนเละแล้วกรองเอาเฉพาะน้ำมาทาหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด<br />
<br />
ลองนำสูตรสมนไพร <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/" target="_blank">สูตรหน้าใส</a>ต่างๆ เหล่านี้ไปทำกันดูนะค่ะ เพื่อใบหน้าที่ขาวใสเป็นธรรมชาติ<br />
<b>ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก:</b> thaikasetsart.com และ tay2014.allblogthai.com</div>
</div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-67922507761744703322012-08-06T03:27:00.000-07:002012-08-16T22:07:23.443-07:00มารู้จัก AHAs กับ BHA กันเถอะ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
หลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อของสาร ที่มีชื่อว่า AHAs และ BHA ที่มัดปรากฎอยู่ในเครื่องสำอางค์กันมาแล้วนะคะ ว่าแต่ว่าเจ้าสาร 2 ตัวนี้ มันมีความสำคัญและคุณสมบัติอย่างไรไปทำความรู้จักกันเถอะค่ะ<br />
<div>
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhq3P9of0xPgrS4vO7sdNydUc8nz2bXFnSjYBS6z4kMnpdO_c98m8Sf2PVWFGwYmRPefIiZu2pUPz7kSpvpZDf3FyAZUAyopCk9nO_S6ILWgpIpIGxfU18b3h0dGaPZVQGF2FuwARALsHPx/s1600/%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhq3P9of0xPgrS4vO7sdNydUc8nz2bXFnSjYBS6z4kMnpdO_c98m8Sf2PVWFGwYmRPefIiZu2pUPz7kSpvpZDf3FyAZUAyopCk9nO_S6ILWgpIpIGxfU18b3h0dGaPZVQGF2FuwARALsHPx/s1600/%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2.png" /></a></div>
<div>
<br />
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>AHAs (Alpha Hydroxy Acids) </b></span><br />
เป็นกรดที่สกัดจากอ้อย ไวน์ นมเปรี้ยว และผลไม้อย่าง แอปเปิ้ล องุ่น หรืออาจได้มาจากการสังเคราะห์ AHAs มีผลในการขจัด เซลล์ผิวชั้นบนที่ตายแล้วให้หลุดออก เผยให้เห็นผิวใหม่ที่สวยใส เรียบเนียน แต่ AHAs ก็สามารถก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้เช่นเดียวกัน หากขัดลอกผิวออกไปมาก ผิวอาจอ่อนแอต่อแสงแดดได้เช่นเดียวกัน หากขัดลอกผิวออกไปมาก ผิวอาจอ่อนแอต่อแสงแดดได้ <br />
<br />
ดังนั้น เครื่องสำอางค์หลายๆ ยี่ห้อ จึงพยายามให้สูตรอ่อนละมุนต่อผิว ด้วยการเพิ่มส่วนผสมของกันแดดที่มีสารสกัดจากชาเขียว คาโมมายล์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวและเป็นสารกันแดดลงไปด้วย <br />
<br />
ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า AHAs สามารถทำให้ริ้วรอยตื่นขึ้น เนื่องมาจากอาการระคายเคือง ทำให้ผิวบวมหนาขึ้นได้ ริ้วรอยจึงจางลง (บวมหนาเพื่อปกป้องตนเอง) แต่บางคน เห็นว่าเป็นการกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจน <br />
<br />
<b><span style="color: blue;">ข้อแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHAs </span></b><br />
- สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายควรทดลองทาบริเวณท้องแขน หลังใบหูก่อนการใช้จริงสัด 2-3 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา การระคายเคืองทั่วใบหน้า <br />
<br />
- ควรใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด เช่น ครีมกันแดดที่มี SPF15 เป็นอย่างน้อย <br />
<br />
- ยังไม่มีการทำวิจัยในเรื่องผลกระทบ และอาการข้างเคียงต่อการใช้ AHAs ในการทาผิวร่วมกับการรับประทาน หรือใช้ยาบางชนิดที่ทำให้เกิดความไวต่อแสงแดด <br />
<br />
- ใช้มากเกินไปอาจไม่เป็นผลดี ยึดคติทางสายกลางจะปลอดภัยกว่า หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHAs แล้ว ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ประกอบอื่นๆที่มีส่วนผสมของ AHAs อีกเช่น พวกครีมล้างหน้า มาร์ค ครีมขัดผิวต่างๆ <br />
<br />
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>BHA (Beta Hydroxy Acid,salicylic acid) </b></span><br />
เป็นสารซาลิไซลิก เอซิด ซึ่งเป็นสารที่ทางการแพทย์ใช้ในการรักษาผิวเป็นเวลานานมาแล้ว เช่น สิว รังแค เชื้อรา ตาปลา และเรื่องผิวทางพันธุกรรม สำหรับคนทั่วไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ในรูปของ BHA เพื่อความผ่องใสอ่อนเยาว์ <br />
<br />
BHA ในค่พีเอชต่ำ (2.1-2.98) มีประสิทธิภาพในการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวได้ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิว และไม่เปลี่ยนหน้าที่สำคัญของเกราะป้องกันตามธรรมชาติผิวใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในเรื่องสำอางค์ สำหรับผิวที่มีริ้วรอยจากแสงแดด สามารถใช้เป็นประจำทุกวันได้ <br />
<br />
สำหรับ BHA ความเข้มข้นสูงๆที่ใช้ในวงการแพทย์จะมีประสิทธิภาพสูงในการผลัดเซลล์ผิว ทั้งพื้นที่ผิวและรูขุมขนที่อุดตันได้เป็นอย่างดี แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้<br />
<div>
<br /></div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-3825821936292167132012-08-06T02:44:00.002-07:002016-12-02T21:55:48.694-08:00วิธีรักษาสิวอักเสบ และป้องกัน ด้วยตัวเอง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
ก่อนที่เราจะรู้<b>วิธีรักษาสิวอักเสบ</b>ให้หายขาด เราต้องเข้าใจปัญหาและสาเหตุเสียก่อน เพื่อให้เข้าใจจริงๆ ถึงสาเหตุการเกิดสิว และสามารถ<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/08/blog-post_6516.html" target="_blank">รักษาสิวอักเสบ</a>ได้ถูกวิธี พร้อมทั้งเรียนรู้วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวอักเสบ ที่เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุโดยแท้จริง เพื่อไม่ให้ปัญหาสิวนี้ รบกวนจิตใจคุณอีกต่อไป!! ดังนั้น…วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีรักษาสิวอักเสบ สาเหตุการเกิดสิวอักเสบ และวิธีป้องกันการเกิดสิวอักเสบมาฝากค่ะ เพื่อเป็นแนวทางในการรักษาสิวอักเสบของเพื่อนๆ อย่างถูกวิธีค่ะ <br />
<br />
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>สิวอักเสบคืออะไร? </b></span><br />
·<b> สิวอักเสบ (Inflammatory ance หรือ Papulopustular acne) </b>คือ การที่สิวอุดตัน (Comedone) ได้รับการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม Propionibacteriu m acne( P.acne) แล้วแบคทีเรียนี้ ปล่อยเอนไซม์ที่จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบขึ้น โดยมีความรุนแรงแตกต่างกัน แล้วแต่จำนวนเชื้อและขนาดของสิวอุดตัน สิวอักเสบนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อลดการอักเสบลุกลาม และการเกิดแผลเป็น <br />
<br />
· <b>สิวอักเสบ</b> มีลักษณะที่่เรามองเห็นเป็นเม็ดตุ่มนูนๆ บวมแดง อาจเป็นเม็ดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ บางครั้งเห็นเป็นหนองบริเวณหัวสิว หรือที่เรียกว่า “สิวหนอง” หากสิวอักเสบมีการติดเชื้อและอักเสบมากทำให้มีขนาดใหญ่ก็จะเรียกว่า “สิวหัวช้าง” <br />
<b><span style="color: red; font-size: large;">***</span></b>ท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทความนี้: <span style="background-color: white; color: blue;"><a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/08/blog-post_6.html" target="_blank"><b>สาเหตุและประเภทของสิวอุดตัน สิวอักเสบ</b></a><b> </b></span><br />
<div>
<span style="color: blue;"><b><br /></b></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiu4dug-PuMH-2OdzFT7rj7mbyLtpbPo_6ZbZgRaXUUS3BYynpcC3FqShuKE02WWPCNAX5OkThZuGiHRsMMiY3LhO97z2vco7x24ZEEQu7s1_ovYCHl290hZL48nyug1qZHVOF7E49fBxnp/s1600/spotty-face.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiu4dug-PuMH-2OdzFT7rj7mbyLtpbPo_6ZbZgRaXUUS3BYynpcC3FqShuKE02WWPCNAX5OkThZuGiHRsMMiY3LhO97z2vco7x24ZEEQu7s1_ovYCHl290hZL48nyug1qZHVOF7E49fBxnp/s1600/spotty-face.jpg" /></a></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>วิธีปฏิบัติตนเพื่อลดการเกิดสิวอักเสบ </b></span><br />
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b><br /></b></span>
1. การล้างหน้าบ่อย ๆ ทำให้เกิดสิวมากขึ้นเพราะการล้างหน้าบ่อย ๆ จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่ายจึงทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้นควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว และควรหลีกเลี่ยงการใช้โฟมล้างหน้า ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว หรือสบู่ล้างหน้า<br />
2. หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เช่น เครื่องสำอาง หรือครีมกันแดดที่เพิ่มความมันบนใบหน้า การนวดและการขัดหน้า<br />
3. ห้ามนอกดึกเด็ดขาด ควรเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม ดีที่สุด และตื่นตอน 6 โมงเช้า<br />
4. ห้ามใช้เครื่งสำอางที่แรงเกินไป หันมาใช้ครีมทาหน้าอ่อนๆ เช่น เภสัชก็ได้ค่ะ<br />
5. ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบอาบน้ำ ก็ขอให้ล้างหน้าทุกเช้าและก่อนเข้านอนก็พอค่ะ<br />
6. เวลาที่คุณเข้านอนไม่ควรทาครีมใดๆ ควรล้างหน้า เช็ดให้แห้ง และเข้านอนทันทีค่ะ<br />
7. เวลาที่ล้างหน้าไม่ควรถูแรงๆ เพราะอาจทำให้สิวเกิดการอักเสบและเป็นหนองเพิ่มขึ้นค่ะ<br />
8. ควรสระผมบ่อยๆ อย่าปล่อยให้ผมมันและลงมาปรกตามใบหน้า พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันใส่ผมหรือเจลแต่งผม<br />
9. อย่าปล่อยให้หน้ามันมากเกินไป ควรใช้กระดาษซับหน้า แบบเบามือช่วยลดความมัน<br />
10. อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้ากดทับบริเวณที่สิวอักเสบ<br />
11. อย่าใช้มือบีบ แกะ เกาบริเวณที่เป็นสิว<br />
12. อย่าเครียดหรือวิตกกังวลเกินไป หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ทำจิตใจให้แจ่มใส<br />
13. ถ้าในกรณีที่เป็นสิวหัวหนองขนาดใหญ่หลายๆเม็ด หรือมีอาการอักเสบมาก ควรไปพบแพทย์ เพราะจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะได้ไม่เกิดแผลเป็นจากสิว<br />
<div>
<br />
<b><span style="color: red; font-size: large;">*** </span></b>ทั้งหมดนี้เมื่อเราทำเป็นประจำจะทำให้สิวอักเสบลดลง เพื่อนๆ ก็ลองนำไปใช้ดูนะค่ะ แต่อย่าลืมว่าผิวหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ทางที่ดีควรใช้ผลิตภัณท์ดูแลผิวติดต่อกัน ไม่ควรเปลี่ยนยี่ห้อไปเรื่อยๆนะคะ <br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;">วิธีการป้องกันการเกิดสิวอักเสบ</span></b><br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;"><br /></span></b>
1. ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ Olive Oil, Lanolin, Sodium Laury Sulphate หรือการไปรบกวนบริเวณผิวบ่อย ๆ เช่น การขัดหน้าด้วยสครับ หรือการนวดหน้าด้วยครีมที่ส่วนผสมของน้ำมัน<br />
2. เรื่องของอาหาร สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ เพราะอาหารไม่ใช่สาเหตุของ การทำให้เกิดสิว แต่ถ้าสังเกตุว่าเมื่อ รับประทานอาหารบางชนิด ทำให้มีสิวเห่อขึ้น ที่ใบหน้าทุกครั้ง แบบนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้นเสีย<br />
3. การทาครีมละลายหัวสิวก่อนล้างหน้าจะช่วยให้สิวหลุดออกได้ง่ายจึงทำให้ไม่เป็นสิวอักเสบตามมาภายหลัง<br />
4. ภาวะเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ระบบขับถ่ายไม่ดี และประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้<br />
5. การรับประทานยา Isotretinoin ในการรักษาสิว ถ้าคุณรู้ว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ควรหยุดยานี้ อย่างน้อย 3 เดือน<br />
6. การรับประทานแร่ธาตุสังกะสีจะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวและแร่ธาตุยังช่วยให้วิตามินเอ<br />
7. การรับประทานยาคุมกำเนิดไม่ได้ช่วยในการรักษาสิวโดยตรง ยาคุมกำเนิดเหมาะสำหรับคนที่มีภาวะฮอร์โมนเพศชายในร่างกายสูงกว่าปกติ เช่นเป็นสิวง่าย หน้ามัน ขนดก<br />
8. การฉีดยารักษาสิวอักเสบเม็ดใหญ่ ๆ ให้ยุบเร็วขึ้นเป็นการรักษาที่ปลายเหตุควรรักษาที่ต้นเหตุของสิวคือรักษาสิวเม็ดเล็ก ๆ โดยการทายาแล้วกดออกก่อนที่สิวเม็ดเล็กๆ จะบวมเป็นเม็ดใหญ่เพราะถ้าบวมอักเสบเป็นเม็ดใหญ่แล้วก็จะทำให้เกิดรอยดำและรอยแผลเป็นหลุมได้<br />
9. ทำดีท็อกซ์ การเป็นสิวย่อมแสดงว่าร่างกายในช่วงนั้นมีท็อกซินหรือพิษสะสมในร่างกาย การทำดีท็อกซ์จะช่วยขจัดสารพิษในร่างกายได้ <br />
<br />
<b style="color: #cc0000; font-size: x-large;">สูตรสมุนไพรรักษาสิวอักเสบ</b><br />
<br />
<b>วิธีทำ</b> นำปูนแดง ½ ช้อนชา ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมรวมกัน คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อท่านล้างหน้าให้สะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นำส่วนผสมที่ได้แต้มที่หัวสิวทิ้งไว้จนกว่าเนื้อครีมจะแห้ง แต้มทุกเช้า-เย็น จนกว่าหัวสิวจะยุบและหาย<br />
<br />
ดูสูตรรักษาสิวเพิ่มเติมได้ที่นี้ : <b><a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/07/10.html" target="_blank">รักษาสิวด้วยขมิ้นชัน</a></b><br />
<br />
<span style="color: red; font-size: large;"><b>*** </b></span><b>แนวทางในการรักษาสิวอักเสบให้ได้ผลดี</b> ก็คือ เมื่อเราทำการ<i>รักษาสิวอักเสบ</i>ให้หายปกติแล้วด้วยวิธีการที่เหมาะสมแล้ว ควรทำการป้องกันทันที เพื่อป้องกันการกลับมาใหม่ของสิว เพราะสิวอักเสบส่วนใหญ่มีปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวทั้งภายในตัวเราและนอกตัวเรา ดังนั้นเมื่อสิวหายแล้วก็อย่าชะล่าใจลืมทำการป้องกันการเกิดในระยะยาวต่อไปด้วยนะคะ<br />
<br />
<b style="color: #cc0000; font-size: x-large;">สูตรรักษาสิวอักเสบ Step by step</b><br />
สำหรับ<b>วิธีรักษาสิวอักเสบด้วยยารักษาสิว</b> เพียง 4 ขั้นตอน สิวหายเกลี้ยง แอดมินเขียนไว้ที่บทความนี้ค่ะ <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2016/09/how-to-get-rid-of-pimples.html"><i>http://acnecaresite.blogspot.com/2016/09/how-to-get-rid-of-pimples.html</i></a><br />
<br /></div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-33114528210554104022012-08-06T02:15:00.001-07:002012-11-17T04:49:26.667-08:00สาเหตุและประเภทของสิวอุดตัน สิวอักเสบไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบ!! ก้าวแรกของ<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/" target="_blank">การรักษาสิว</a> ก็คือการรู้จักชนิดของสิว ที่มารบกวนอยู่บนใบหน้าของเรา เพราะการรู้จักที่มาที่ไป ประเภท/ชนิด ของสิวอุดตัน สิวอักเสบ นั้นจะช่วยให้เรารู้เหตุผลที่แท้จริงของการเป็นสิวได้ ดังนั้น วันนี้เราจึงได้รวบรวมประเภทของสิวอุดตันและสิวอักเสบมาฝาก เพื่อที่เราจะได้หาวิธีรักษาและป้องกันการเกิดสิวได้อย่างถูกวิธี การแก้ไขปัญหาก็จะง่ายขึ้น ตรงจุด รักษาสิวได้หายขาด <br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjK9WU3zY23gqP2HZuoZsatb8GikZqj7SLiVNz6HZ3Kxkh9G91t3r7V9Ol4jBNP-gADoRANfW3d6Yrj4UX9E6ajCiHJjFlJlJyoEjsdkJoRlC9VPku9tN45a0qZo7HI1PmLhYcCcUzis0a3/s1600/%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjK9WU3zY23gqP2HZuoZsatb8GikZqj7SLiVNz6HZ3Kxkh9G91t3r7V9Ol4jBNP-gADoRANfW3d6Yrj4UX9E6ajCiHJjFlJlJyoEjsdkJoRlC9VPku9tN45a0qZo7HI1PmLhYcCcUzis0a3/s1600/%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599.png" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<span style="color: blue; font-size: large;">ประเภทของสิวอุดตัน และสิวอักเสบ</span><br />
สิว (Acne) สามารถแบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก คือ
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">1. สิวไม่อักเสบ หรือสิวอุดตัน (Comedone)</span></b><br />
เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน สิวชนิดนี้มีลักษณะเป็นเม็ดตุ่มเล็กๆ ที่เกิดบริเวณผิวหน้าของเรา แบ่งเป็น 2 ชนิดหลักๆ คือ <br />
<br />
<b>สิวหัวปิด หรือสิวหัวขาว (White head)</b> เห็นเป็นตุ่มนูนเล็กๆ หัวขาวๆ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.1-3 มิลลิเมตร มีสีเดียวกับผิวหนังปกติ สิวประเภทนี้เกิดจากการอุดตันสะสมอยู่ในท่อเปิดของต่อมไขมันและขุมขน (Pilosebaceous unit) แต่ท่อเปิดจะเล็กมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สิวหัวปิดขนาดใหญ่ อาจจะคงอยู่ได้ นานหลายสัปดาห์ หรือ หลายเดือน ประมาณ 75% ของสิวชนิดนี้จะกลายไปเป็นสิวอักเสบ <br />
<br />
<b>สิวหัวเปิด หรือสิวหัวดำ (Black head)</b> เห็นเป็นตุ่มนูนเล็กๆ หัวดำๆ เส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 0.1-3 มิลลิเมตร และสังเกตดีๆ จะมีจุดดำอยู่ตรงกลาง ซึ่งจุดเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว, ไขมัน, และเชื้อ P.acnes อุดอยู่ในท่อเปิดของต่อมไขมัน <br />
<br />
นอกจากนี้ยังอาจแบ่งสิวอุดตันได้อีกชนิดหนึ่ง คือ สิวอุดตันชนิดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (Microcomedone) จากการตรวจทางกล้องจุลทรรศน์ของผิวในบริเวณที่ดูปกติ ในบุคคลที่เสี่ยงต่อการเกิดสิว พบ Microcomedone ได้ 28% ข้อมูลดังกล่าวจึงสนับสนุนการใช้ยาทารักษาสิว แม้ในบริเวณที่ยังไม่มีสิวให้เห็น <br />
<br />
<span style="color: #cc0000;"><b>2. สิวอักเสบ (Inflammatory acne) </b></span><br />
สิวชนิดนี้คือ เกิดจากการอักเสบของสิวอุดตัน (Comedone) ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย (BACTERIA) แทรกซ้อน จะมีลักษณะเป็นเม็ดบวมแดง หรือเป็นหัวหนอง หรืออาจจะกลายเป็นถุงซีสต์ ที่เรียกว่า “สิวหัวช้าง” และสามารถแบ่งเป็นหลายชนิดด้วยกัน ดังนี้ <br />
<br />
<b>สิวชนิดตุ่มนูนแดง (Papule)</b> มีขนาดแตกต่างกันออกไป ร้อยละ 50 ของสิวชนิดนี้เกิดจากสิวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (microcomedone), 25% เกิดจากสิวหัวปิด และอีก 25% เกิดจากสิวหัวเปิด <br />
<br />
<b>สิวหนอง (Pustule) </b>มีได้หลายขนาด อาจตื้น หรือ ลึกก็ได้ ถ้าเป็นสิวหนองชนิดตื้นจะหายได้เร็วกว่าชนิดที่เป็นตุ่มนูนแดงแข็ง (papule) ส่วนสิวหนองชนิดลึกมักจะพบน้อยกว่า และพบในผู้ที่เป็นสิวค่อนข้างรุนแรง โดยเริ่มมาจากตุ่มนูนแดงแข็งก่อน อาจเป็นอยู่ได้นานมากกว่า 7 วัน มักมีอาการเจ็บร่วมด้วย และใช้เวลาในการหายประมาณ 2-6 สัปดาห์ <br />
<br />
<b>สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก (Nodule)</b> มักมีขนาดตั้งแต่ 8 มม.ขึ้นไป อาจใช้เวลาในการหายถึง 8 สัปดาห์ และมักจะทำให้เกิดเป็นรอยแผลเป็นตามมาได้ <br />
<br />
<b>สิวเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (Cyst) </b>พบได้ไม่บ่อย มักมีขนาดใหญ่ได้หลายเซนติเมตร ภายในบรรจุหนองหรือสารเหลวคล้ายเนย รอยโรคอาจรวมกันเป็นสิวขนาดใหญ่มากๆ ได้ สิวลักษณะนี้มักจะก่อให้เกิดรอยแผลเป็นเสมอ <br />
<br />
<b>สิวเสี้ยน (Trichostasis spinulosa)</b> สิวประเภทนี้พบได้ค่อนข้างบ่อยเลยค่ะ โดยเฉพาะ บริเวณจมูก, คาง, ลำตัวส่วนบน, ต้นแขน และหลังบริเวณระหว่างกระดูกสะบัก ถึงเราจะเรียกว่าเป็นสิวเสี้ยน แต่จริงๆ แล้วทางการแพทย์ไม่จัดว่าสิวเสี้ยน เป็นสิวนะค่ะ เพียงแต่ว่าเนื่องจากบริเวณที่พบสิวเสี้ยนเป็นบริเวณใกล้เคียงกับที่พบสิวโดยทั่วไป และก่อปัญหาทางด้านความงามได้พอๆ กับสิวแท้ <br />
<br />
โดยความจริงแล้ว สิวเสี้ยน นั่นก็คือ กลุ่มของขนอ่อน (Vellus hair) หลายๆ เส้นที่สะสมอุดตันอยู่ในรูขุมขน เห็นเป็นขนแหลมๆ สีดำ ยื่นออกมาจากรูขุมขน ในบริเวณดังที่กล่าวมาแล้ว <br />
<br />
ส่วนกลไกของการเกิดจริงๆ นั้น ยังไม่ทราบแน่ชัดค่ะ แต่ที่อาจเป็นไปได้ คือ มีการหนาตัวของเซลล์ชั้นหนังกำพร้าที่มากขึ้น จนมาปิดกั้นรูขุมขน ทำให้ขนที่สร้างขึ้นไม่สามารถหลุดออกไปได้ <br />
<br />
<b><u>ผลข้างเคียงจากการเกิดสิวอักเสบ</u><span style="font-size: large;"> </span></b>มักเกิดได้บ่อย ถ้าไม่รีบรักษา คือ <br />
1. รอยดำจากสิว <br />
2. รอยแดงช้ำ ซึ่งอยู่ได้นาน เป็นเดือนๆ <br />
3. รอยหลุมจากสิว หรือ Icepick-scar <br />
<br />
<span style="color: blue; font-size: large;"><b>สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว</b></span> <br />
1. เกิดจากกรรมพันธุ์<br />
2. เกิดจากการแพ้อาหาร เช่น บางคนทานช็อกโกแลต แล้วสิวขึ้นทันที ทานเมื่อไรก็ขึ้นทุกที<br />
3. เกิดจากสภาพอากาศ เช่น บางคนโดนแดดมาก ๆ สิวก็ขึ้นได้คะ<br />
4. เกิดจากสภาวะเครียด เนื่องจากเมื่อเราเครียดการไหลเวียนของเลือดจะเริ่มผิดปกติ ต่อมไขมัน ผลิตไขมันมากจนเกิดสิว นอกจากนี้ความเครียดยังทำให้ความต้านมานโรคของร่างกายต่ำลง ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้น<br />
5. เกิดจากระดับฮอร์โมน เช่นในช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือวัยรุ่น โดยกรดไขมันที่เกิดจากากรย่อยไขมันโดยเชื้อโรคจะถูกขับออกมาตามรูขุมขนพร้อมๆกับเชื้อโรคตลอดเวลา แต่ระดับฮอโมนเพศในช่วงดังกล่าวจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตไขมันมากขึ้น ดังนั้นไขมันจึงระบายออกมาไม่ทัน เชื้อโรคจึงมีโอกาสแบ่งตัวมากขึ้น<br />
6. เกิดจากการทาครีม หรือแป้ง ทำให้มีการอุดตันรูระบายไขมัน สารเคมีในสบู่บางชนิดอาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ ครีมบำรุงผิว น้ำมันและโลชั่นบางชนิดอาจเป็นสาเหตุก่อให้เกิดสิว <br />
<br />
<u><b>ยกตัวอย่างสาเหตุที่ทำให้เกิดการอุดตัน</b></u> เช่น จากความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ หรือความผิดปกติของสมดุลกรด-ด่าง ในร่างกาย เช่น ที่พบในผู้ป่วยไตวาย ส่วนจากปัจจัยภายนอก ก็อย่างเช่น การใช้สบู่ที่มีความเป็นด่างสูง ทำให้ผิวระคายเคือง, การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ Paraffin, การสัมผัสกับฝุ่น สารประเภทไฮโดรคาร์บอน หรือน้ำมันในอุตสาหกรรมบางประเภท และมีบางการศึกษาพบความสัมพันธ์ระหว่างสิวเสี้ยน กับเชื้อ Propionibacterium acnes และ Pityrosporum spp. ซึ่งเป็นเชื้อที่สัมพันธ์กับสิวแท้ด้วย <br />
<br />
<b>ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก :</b> <a href="http://acne-beauty.com/" target="_blank">acne-beauty.com</a><br />
<div>
<b>ขอขอบคุณ รูปจากอินเตอร์เน็ต</b></div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-21670450094790858562012-08-01T01:30:00.001-07:002012-08-28T04:04:04.760-07:00ไม่ขับถ่ายตอนเช้าจะเกิดอะไรขึ้น พร้อมวิธีแก้ไข ป้องกันหลายคนอาจจะมองข้ามหรือไม่รู้ว่า<b>การขับถ่ายตอนเช้า</b>นั้น มีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายของเรามาก ตลอดจนปัญหาสิวและผิวพรรณด้วย โดยปกติแล้วคนเราจะต้องมีการขับถ่ายทุกวัน เพื่อขับถ่ายของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย ถ้าปล่อยเวลาล่วงเลยมาจนถึง 7-9 โมงเช้า ที่เป็นเวลาทำงานของกระเพาะอาหารแล้ว คุณยังไม่ได้ขับถ่าย แถมอาหารเช้าก็ไม่ได้กิน จะเกิดอะไรขึ้น ?? วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลดีๆเกี่ยวกับเรื่อง การไม่ขับถ่ายตอนเช้าจะเกิดอะไรขึ้น พร้อมวิธีแก้ไขมาฝากค่ะ เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้ตระหนักเห็นความสำคัญของการขับถ่าย และสนใจต่อสุขภาพร่างกายของตัวเองมากขึ้น ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ<br />
<div>
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj0g-XwKQaBR4I5TwdURRBbrFML8mvDVkAUI52oleEG9m-1doV7UNekCRLPDOENgCqUucyezRTKb_h0T3MiqsBL8es68dPReVFe_2sp8kQlUQNy6ECjmRtxzaS64ZMEhXWdJnnKbGa6p0S5/s1600/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%2596%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="214" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj0g-XwKQaBR4I5TwdURRBbrFML8mvDVkAUI52oleEG9m-1doV7UNekCRLPDOENgCqUucyezRTKb_h0T3MiqsBL8es68dPReVFe_2sp8kQlUQNy6ECjmRtxzaS64ZMEhXWdJnnKbGa6p0S5/s320/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%2596%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2.jpg" width="320" /></a></div>
<div>
<br /></div>
<div>
ในช่วงเวลา 05.00 - 07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ ถ้าไม่ยอมขับถ่ายอุจจาระแล้วปล่อยเวลาเลยมาถึง 07.00 - 09.00 น. ซึ่งเป็นเวลาของกระเพาะอาหาร แล้วไม่ยอมกินข้าวเช้าอีก อุจจาระจากลำไส้ใญ่ที่ไม่ขับถ่ายออก จะถูกบีบตัวขึ้นมาจากลำไส้ใหญ่ ผ่านลำไส้เล็กมาที่กระเพาะอาหาร ก็จะถูกดูดซึมซ้ำอีกครั้ง ในอุจจาระเก่ามีแก็สที่เสียแล้ว เกิดจากการบูดเน่าโดยอุณหภูมิของร่างกายซึ่งมีความร้อน 37 องศา ตลอดเวลา ไม่เหมือนกับตู้เย็นที่เก็บได้นานกว่า เพราะฉะนั้นแก็สพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด เลืดจึงไม่สะอาด ถ้าเลือดที่ไม่สะอาดไหลไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ไหลผ่านสมอง หัวใจ ปอด ม้าม ตับ ผิวหนัง ก็จะได้รับพิษจากแก็สพิษด้วย <br />
<ul>
<li>ก่อนที่ยงถึงบ่าย ง่วงนอนเพราะเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงหัวใจ หัวใจก็อ่อนล้า ไม่สดชื่น </li>
<li>มีกลิ่นตัว กลิ่นปาก ก็มาจากเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงปอด ปอดก็จะขับออกทางผิวหนังและลมหายใจ ตัวเองไม่ค่อยได้กลิ่น แต่คนอื่นได้กลิ่น </li>
<li>ถ้าปล่อยไว้ไม่ขับถ่ายในช่วงเวลา 05.00 – 07.00 น. นานๆ เข้าเป็นะยะเวลาหลายๆ ปี เลือดที่ไม่สะอาดไหลผ่านไปเลี้ยงสมง และไม่กินอาหารมื้อเช้าช่วงเวลา 07.00 -09.00 น. สมองก็จะไม่ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เมื่อแก่ตัวความจำจะเสื่อมเร็ว </li>
<li>ปวดเข่า เมื่ออายุมากขึ้น เป็นริดสีดวงทวาร </li>
</ul>
<span style="font-size: large;"><b>เมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ หรือเลี้ยงสมองได้น้อย</b></span><br />
<div>
จะเริ่มมีอาการดังนี้<br />
<div>
<ul>
<li>ผมร่วง หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย </li>
<li>นอนไม่ค่อยหลับ นอนไม่เต็มอิ่ม ฝันบ่อย </li>
<li>ปวดไหล่ ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ </li>
<li>ปวดหัวข้างเดียว ปวดหู ปวดกระบอกตา </li>
<li>เป็นไซนัส เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น </li>
<li>ปวดชายโครง ปวดหลัง ปวดเข่า </li>
<li>กระดูกสะโพกเคลื่อนได้ง่าย ปวดสะโพก ปวดข้อเท้า หลังเท้า </li>
<li>วิตกกังวล อาจมีอาการทีละอย่างหรือหลายอย่างพร้อมกัน </li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<b><span style="font-size: large;">สมองเสื่อม</span> </b><br />
จากงานวิจัยในประเทศไทย พบว่าวันข้างหน้าอีกประมาณ 4-5 ปี จะมีผู้ป่วยสูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมถึง 9 ล้านคน เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว ก็มาหาทางบำรุงสมองกันดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้สมองเสื่อมก่อนเหตุอันควร ซึ่งเมื่อเป็นแล้วจะเป็นภาระกับคนในครอบครัวอย่างมาก ที่ต้องคอยดูแลตลอดเวลา <br />
<br />
สาเหตุหนึ่งทีเลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย เป็นเพราะกินอาหารผัดน้ำมันต่อเนื่องเป็นประจำติดต่อกันหลาย ๆ ปี น้ำมันจะเกาะผนังลำไส้ ทำให้ลำไส้ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ไปเลี้ยงสมองได้หรือ ดูดซึมได้น้อยกว่าที่ควร <br />
<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;">วิธีแก้ไข และป้องกัน </span></b><br />
1. พยายามขับถ่ายระหว่างเวลา 05.00 -07.00 น. ถ้าไม่ขับถ่ายให้กินขมิ้นชันเป็นประจำเพื่อบริหารลำไส้ใหญ่ <br />
2. ควรกินข้าวเช้าทุกวันระหว่างเวลา 07.00 -09.00 น. เพื่อให้เลือดรับสารอาหารไปเลี้ยงสมองและกินโยเกิรต์ นมผสมน้ำผึ้งและมะนาว ระหว่างเวลา 13.00 - 15.00 น. เพื่อเปลี่ยนขยะในลำไส้เล็กให้เป็นวิตามิน บี แล้วส่งไปบำรุงสมอง <br />
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ <br />
<br />
<b><span style="color: red; font-size: large;">***</span></b> สุดท้าย..เมื่ออ่านจบแล้ว สิ่งสำคัญเลยก็คือการนำไปปฏิบัตินะค่ะ การสร้างอุปนิสัยที่ดีในการขับถ่าย ออกกำลังกาย ที่เป็นอีกวิธีที่ง่ายๆของการป้องกันและดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงที่ต้นเหตุ มิใช่การกินยา วิตามิน อาหารเสริมที่เป็นการดูแลรักษาสุขภาพที่ปลายเหตุ และเป็นการทำให้สิ้นเปลืองอีกด้วย หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะค่ะ <br />
<br /></div>
</div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-50020255272860390562012-07-31T22:21:00.003-07:002016-08-21T21:52:35.231-07:009 สูตร วิธีรักษาสิวเสี้ยนด้วยตัวเองแบบธรรมชาติสมุนไพรในธรรมชาตินั้นมีประสิทธิภาพและมีประโยชน์อย่างมากใน<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/" target="_blank">การรักษาสิว</a>ทุกชนิดไม่เพียงเฉพาะแต่<b>การรักษาสิวเสี้ยน</b>เท่านั้น ข้อดีคือ วิธีการรักษาสิวด้วยสมุนไพรและธรรมชาติช่วยบำรุงผิวของคุณ เพราะในสมุนไพรล้วนมีวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นต่อการช่วยบำรุงผิว อย่างน้อยเมื่อคุณใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเหล่านี้ ก็มีความเสี่ยงต่อการทำลายผิวหน้าของคุณน้อยกว่า และประการที่สองสมุนไพรยังสามารถหาได้ง่ายในครัวหรือในตู้เย็นของคุณอีกด้วย เห็นไหมละค่ะว่า <b>วิธีรักษาสิวด้วยวิธีธรรมชาติ</b>นั้นดีแค่ไหน สำหรับสาวๆ หนุ่มๆคนใดที่กำลังประสบกับปัญหากวนใจของสิวเสี้ยน วันนี้…เราจึงได้รวบรวมสูตรมากมายของการรักษาสิวเสี้ยนด้วยตนเองแบบธรรมชาติมาฝากค่ะ ที่คุณสามารถทำได้ตามสูตรดังนี้ <br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYKQrBuHV5dMHeLTrSP3_2V6C5tPWe9Hcyt4dcpUfFrPzg1Ffbnv89v_hFYXvHtMdisEstQoFpsiSTDQM5RP2cPbxoyaZbr6mcg8HfDsMkdfthLmZ8_QyJBlgYETHRkIK3ohDpcq53AzWm/s1600/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="วิธีรักษาสิวเสี้ยน" border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYKQrBuHV5dMHeLTrSP3_2V6C5tPWe9Hcyt4dcpUfFrPzg1Ffbnv89v_hFYXvHtMdisEstQoFpsiSTDQM5RP2cPbxoyaZbr6mcg8HfDsMkdfthLmZ8_QyJBlgYETHRkIK3ohDpcq53AzWm/s400/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4.png" title="วิธีรักษาสิวเสี้ยนด้วยตัวเองแบบธรรมชาติ" width="400" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;"> 1. ดินสอพองผสมน้ำมะนาว หรือน้ำมะขามเปียก </span></b><br />
สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมัน รูขุมขนกว้าง และมีสิวเสี้ยน<br />
<div>
<br />
<b> ส่วนผสม </b><br />
ดินสอพองสะตุ 3 - 4 เม็ดใหญ่<br />
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา<br />
<b> วิธีทำ </b><br />
<ul>
<li>นำดินสอพองสะตุมาบดละเอียดด้วยภาชนะที่สะอาด ผสมน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากัน (มันจะกลายเป็นครีมข้นๆ)</li>
<li>ดินสอพองจะพองตัวขึ้นและมีฟองอากาศ นั่นเพราะดินสอพองกำลังทำปฏิกิริยากับกรดในน้ำมะนาวนั่นเอง </li>
<li>จากนั้นทาครีมดินสอพองจนทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตา หรือจะแต้มเฉพาะตรงที่หัวสิวก็ได้ค่ะ ทิ้งไว้ 15 - 20 นาทีหรือจะทาก่อนนอนทิ้งไว้จนเช้าก็ได้ </li>
</ul>
<b> วิธีล้าง </b><br />
<ul>
<li>ให้ล้างด้วยน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าเช็ดเบา ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน </li>
<li>จากนั้นล้างอีกครั้งด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน </li>
<li>ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง </li>
<li>ผิวหน้าจะเนียนนุ่มขึ้น รูขุมขนกระชับ และความมันลดลง สูตรนี้สามารถเปลี่ยนจากน้ำมะนาวมาเป็นน้ำมะขามเปียกก็ได้ค่ะ ให้ผลเร็ว 1-3 วันเห็นผลแน่นอน สิวแห้ง ยุบลง </li>
</ul>
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;">2. น้ำผึ้ง </span></b><br />
อุ่นน้ำผึ้งเล็กน้อย และทาลงบริเวณที่มีปัญหา 10-15 นาที แล้วล้างออก น้ำผึ้งเป็นวิธีที่รู้จักกันดีและมีประสิทธิภาพอย่างมากในการกำจัดสิวเสี้ยน <br />
<br />
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>3. ไข่ขาว ผสมน้ำผึ้งและน้ำมะนาว </b></span><br />
<b>ส่วนผสม</b><br />
ไข่ขาวขนาดเล็ก 1 ฟอง น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และกระดาษซับมัน <br />
<b>วิธีทำ</b><br />
<ul>
<li>ตอกไข่ใส่จาน แล้วช้อนเอาไข่แดงออก เอาเฉพาะไข่ขาว จากนั้นนำไข่ขาว น้ำมะนาว และน้ำผึ่งมาผสมให้เข้ากันดี จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด ซับให้แห้ง </li>
<li>นำไข่ขาวที่เตรียมไว้มาทาบริเวณจมูก แล้วนำกระดาษซับมันมาแปะลงบริเวณที่ทาไข่ขาวไว้ ใช้นิ้วมือกดเบาๆ ให้กระดาษซับมันกระชับผิว</li>
<li>นอนราบกับพื้นรอจนไข่ขาวแห้งสนิท หน้าจะตึงมากๆ จากนั้นใช้มือลอกกระดาษซับมันจากล่างขึ้นบน สิวเสี้ยนก็จะติดออกมากับกระดาษซับมัน แล้วล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เพื่อกระชับรูขุมขน ควรทำสัปดาห์ละครั้ง</li>
</ul>
</div>
<div>
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;"> 4. ทาน้ำมะนาว </span></b><br />
ทาน้ำมะนาวโดยตรงบนสิวเสี้ยน วันละ 2-3 ครั้ง น้ำมะนาวมีกรดผลไม้ AHA หรือ Alpha Hydroxy Acids ทำงานโดยการลอกเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างได้ผลัดขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ยังช่วยชำระรูขุมขนทำให้รูขุมขนตึงขึ้น ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น และทำให้มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวน้อยลง <br />
<br />
<b>วิธีทำ</b> </div>
<div>
<ul>
<li>ล้างหน้าให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดเบาๆ จากนั้นบีบน้ำมะนาว 1 ช้อนชาในถ้วยเล็ก ใช้สำลีจุ่มน้ำมะนาวพอเปียก อาจผสมน้ำหากรู้สึกว่าแสบเกินไป ป้ายน้ำมะนาวลงบนสิว สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวหัวหนอง </li>
<li>ทิ้งไว้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้างออก ล้างออกตอนเช้า และทาอีกครั้งก่อนเมคอัพ (หากคุณต้องใช้เมคอัพ) </li>
</ul>
**หากรู้สึกว่าน้ำมะนาวนั้นแรงเกินไป แม้ว่าจะผสมน้ำให้เจือจางแล้วก็ตาม ให้ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น <br />
<span style="color: red;">วิธีการนี้ใช้เวลา 2 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำจึงจะเห็นผล</span> <br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;">5. ดื่มน้ำมะนาว </span></b><br />
ความจริงแล้วการรักษาสิวด้วยการดื่มน้ำมะนาวนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง ที่ทุกคนควรดื่ม (สำหรับคนที่ไม่แพ้มะนาว) ประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านั้นคือ : สามารถใช้วิธีการดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาและทำความสะอาดภายในร่างกาย หรือขจัดสารพิษออกจากตับ และเพื่อให้การดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย น้ำมะนาวนั้นเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ ที่ช่วยให้กระชุ่มกระชวย (เพราะในน้ำมะนาวมีแร่ธาตุต่าง ๆ วิตามินซี, โพแทสเซียม) ดื่มง่าย และทำได้ง่าย นอกจากนี้ ยังช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องผูก และช่วยกำจัดนิ่วในไต และตับอ่อนด้วยค่ะ <br />
<br />
<b>รักษาสิว โดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 1 </b><br />
<ul>
<li>บีบน้ำมะนาว 1 ผลลงในแก้ว แล้วเติมน้ำเปล่าอีก 2 ถ้วย (ถ้วยละ 8 ออนซ์) </li>
<li>ดื่มน้ำมะนาวที่ผสมนี้ได้ทั้งวัน </li>
</ul>
<br />
<b>รักษาสิวโดย การดื่มน้ำมะนาว สูตร 2</b> <br />
<ul>
<li>บีบน้ำมะนาว 1 ผล ผสมกับน้ำอุ่นที่ต้มแล้ว 1 ถ้วย (8 ออนซ์) </li>
<li>ดื่มเป็นสิ่งแรกของวัน ในตอนเช้า </li>
<li>หลังจากดื่มน้ำมะนาว งดการดื่ม หรือรับประทานสิ่งใด ๆ ภายในครึ่งชั่วโมง เพื่อให้น้ำมะนาวได้ชำระล้างร่างกาย </li>
</ul>
<b><span style="color: red; font-size: large;">*****</span></b> ผลการรักษาสิว – ได้มีการทดลองใช้น้ำมะนาวทั้งสองวิธีแล้วคือ “ทาโดยตรงบนผิวหน้าและดื่ม” พบว่า <span style="color: red;">ภายใน 3 สัปดาห์สิวก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด </span><br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;"> 6. เบกกิ้งโซดาและน้ำ</span></b> <br />
ผสมเบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะ กับน้ำ 3 ช้อนโต๊ะ ถูส่วนผสมนี้ลงบนผิวสองสามนาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น มันจะกำจัดสิวเสี้ยนออกอย่างมีประสิทธิภาพ <br />
<br />
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b> 7. มาส์กข้าวโอ๊ตกับกุหลาบ </b></span><br />
ทรีตเมนต์นี้ช่วยกำจัดสิวหัวดำที่คุณมีอยู่แล้ว และป้องการเกิดขึ้นใหม่อีก วิธีการคือผสมข้าวโอ๊ตบดละเอียดกับน้ำกุหลาบให้เป็นส่วนผสมข้น ๆ ทาส่วนผสมลงบนหน้าบริเวณที่เป็นปัญหาทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำเย็น ซึ่งจะช่วยปิดรูขุมขนที่เพิ่งทำความสะอาดมาใหม่ๆ ป้องกันการเกิดสิวหัวดำต่อไป <br />
<br />
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b> 8. มันฝรั่ง </b></span><br />
มันฝรั่งดิบสับละเอียดสามารถใช้รักษาปัญหาผิวได้หลายอย่างรวมทั้งสิวหัวดำ โดยพอกมันฝรั่งลงบนผิวที่เป็นปัญหาโดยตรง ทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก ล้างซ้ำด้วยน้ำสะอาด <br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;">9. หอมแดง </span></b><br />
หอมแดง มีสรรพคุณช่วยในการรักษาสิว ลบรอยด่างดำที่เกิดจากสิวได้ เพราะในหอมแดงสดจะประกอบไปด้วยน้ำมันหอมระเหยและสารต่าง ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติมากมาย เช่น ลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยเจริญอาหาร และช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของสิว <br />
<br />
<b>วิธีทำ </b>คือ นำหัวหอมแดงสดนำมาฝานเป็นแว่นบาง ๆ เพื่อให้สะดวกในการแปะที่หัวสิวของคุณ หรือจะทุบเบา ๆ แตะน้ำที่ซึมออกมาจากหัวหอมนำมาทาบาง ๆ บริเวณที่เป็นสิวหรือรอยจุดด่างดำ ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง หรือจนคุณทนกลิ่นมันไม่ได้ แต่ถ้าทิ้งข้ามคืนจะดีมากๆ ช่วยทำให้สิวลดลงได้จริงๆ<br />
<br />
บทความ<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/07/9.html" target="_blank">วิธีรักษาสิวเสี้ยน</a> เรียบเรียงโดย acnecaresite.blogspot.com</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5128568752508620536.post-11204496981009843962012-07-31T22:12:00.002-07:002016-09-24T07:26:27.299-07:00วิธีรักษาสิวเสี้ยน สิวหัวดำ พร้อมวิธีป้องกันนอกจากสิวอุดตันหรือสิวอักเสบแล้ว!! สิวเสี้ยนก็เป็นสิวอีกประเภทที่เปรียบเสมือนกองกำลังของชนกลุ่มน้อย ที่ไม่มีพิษสงและขีปณาวุธที่จะจู่โจมใบหน้าให้ยับเยินเช่นสิวอักเสบ แต่ก็ก่อความรำคาญให้ได้ไม่หยุดหย่อน เพราะสิวเสี้ยนทำให้ใบหน้าไม่เรียบเนียน เกิดรูขุมขนกว้าง โดยเฉพาะจมูก แก้ม คาง น้อยรายที่อาจพบในบริเวณหน้าผาก หลัง และต้นแขน ที่สำคัญสิวเสี้ยนนี่แหล่ะค่ะ ที่ทำให้คุณผู้หญิงทาแป้งไม่ติด คนอายุตั้งแต่ 17 - 60 ปี ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ล้วนมีสิทธิเป็น<a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/07/blog-post_31.html">สิวเสี้ยน</a>ได้ทั้งนั้น ดังนั้น วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปค้นหาคำตอบค่ะ ว่าสาเหตุที่ทำให้เราเป็นสิวเสี้ยน แท้จริงแล้วเกิดจากอะไร? พร้อมทั้งวิธีการรักษาสิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำที่ได้ผลมาฝากด้วยค่ะ<br />
<div>
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6R30LUHPxbBnHAQu_ZN3kpGEV09kGbzYAJUiAF4VHbqyoqnR61g50bd4V3c7HRnC32C8jpCmtfxHPGS7ArwwQRDxXVPLNEVt6XEz-SVfuhQFJSGIwQfG-n_EK9_dHbcbPuirJOT2wxwzc/s1600/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%99.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6R30LUHPxbBnHAQu_ZN3kpGEV09kGbzYAJUiAF4VHbqyoqnR61g50bd4V3c7HRnC32C8jpCmtfxHPGS7ArwwQRDxXVPLNEVt6XEz-SVfuhQFJSGIwQfG-n_EK9_dHbcbPuirJOT2wxwzc/s1600/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%99.jpg" /></a></div>
<div>
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;">อะไรคือสิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำ (Blackheads) ? </span></b><br />
สิวเสี้ยน คือจุดดำ ๆ หรือเส้นดำ ๆ ตรงปากรูขุมขน บริเวณที่เห็นได้ชัดได้แก่ บริเวณจมูก แก้มทั้งสองข้างด้านที่อยู่ใกล้จมูก คางและหลัง สิวเสี้ยนสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ <br />
<br />
<b>1. ชนิดหัวขาว</b> สิวเสี้ยนประเภทนี้เป็นไขสีขาว เกิดขึ้นจากการที่น้ำมันตามธรรมชาติของผิว ที่เรียกว่า ซิบัม สะสมและแข็งตัวภายในรุมขนรวมตัวกับเศษเซลล์ผิวที่ข้างอุดตันในรูขุมขน ถ้ามีสิ่งสกปรกที่รูเปิดต่อมไขมันมาก ส่วนหัวอาจเป็นจุดสีดำ <br />
<br />
<b>2. ชนิดหัวดำ</b> เกิดจากการมีขนอุยเส้นเล็กๆ หากนำหัวสิวชนิดนี้ไปส่องด้วยแว่นขยายจะเห็นขนอ่อนจำนวนมากตั้งแต่ 5-50 เส้นรวมกันอยู่ในรูขุมขนเดียว สิวเ สี้ยนประเภทนี้ทำให้รูขุมขนกว้าง และใบหน้าเป็นจุดดำๆ ไม่เนียนเรียบ <br />
<br />
<br />
<span style="color: #cc0000; font-size: large;"><b>ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยน? </b></span><br />
<b>1. สภาพผิวหน้า</b> หรือฮอร์โมนเพศในร่างกายที่ไปกระตุ้นต่อมไขมันให้มีการผลิตไขมันเพิ่มขึ้น หากเป็นคนผิวมันก็จะเป็นสิวเสี้ยนประเภทแรก หากเป็นผิวธรรมดาแต่มีขนมากก็จะเป็นสิวเสี้ยนประเภทที่สอง <br />
<br />
<b>2. การรบกวนผิวมากๆ </b>เช่น การเช็ดถูหน้าแรงๆ, การขัดหรือนวดหน้า ซึ่งการกระทำเช่นนี้จะรบกวนรูขุมขน หรือต่อมไขมัน ทำให้รูขุมขน หรือรากขนนั้นแตกออก จึงทำให้มีขนคุดอยู่ภายในได้ <br />
<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-size: large;">วิธีการรักษาสิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำ (Blackheads) </span></b><br />
<b>1. หยุดเอามือสัมผัสหน้า</b> หรือเท้าคางเวลาคิด เพราะมือของเราเต็มไปด้วยแบคทีเรียและสิ่งสกปรก ซึ่งจะทำให้สิวเห่อได้<br />
<br />
<b>2. ล้างหน้าให้สะอาด </b><br />
ทำความสะอาดผิวหน้าของคุณวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและตอนกลางคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในคนที่เป็นสิวเสี้ยนชนิดหัวขาวเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะทำให้ใบหน้าของคุณสะอาดและปราศจากไขมันส่วนเกิน นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นการกำจัดสิว เลือกครีมล้างหน้าที่มีกรดซาลิไซลิเปอร์ออกไซด์ หรือ benzoyl โดยส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น และป้องกันต่อมผลิตน้ำมันบนใบหน้ามากเกินไป <br />
<br />
<b>ข้อแนะนำ : </b>อย่าล้างหน้ามากกว่าวันละ 2ครั้ง เพราะจะทำให้ใบหน้าแห้งและต่อมผลิตน้ำมันมากขึ้น <br />
ใช้โฟมล้างหน้าแบบอ่อนที่ไม่ระคายเคือง และประกอบด้วยมอยเจอไรเซอร์แบบปราศจากน้ำมัน (Oil - free moisturizers) <br />
<br />
<b>3. การอบไอน้ำให้ผิว </b><br />
เป็นการทำความสะอาดผิวหน้าและลดสิ่งตกค้างบนผิวได้ดี เหมาะกับคนผิวมัน ทำสัปดาห์ละครั้ง คือ นาบผ้าขนหนูอุ่น ๆ ลงบนใบหน้า หรืออังใบหน้ากับไอจากน้ำร้อน ซึ่งเป็นการเปิดรูขุมขนเพื่อง่ายต่อการกำจัดสิวเสี้ยน ทำเช่นนี้เป็นเวลา 5- 10 นาที จากนั้น ล้างด้วยน้ำสะอาดกับสบู่ล้างหน้า <br />
<br />
<b>4. ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยน </b><br />
ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนตรงจุดที่เป็นสิวเสี้ยน ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วจึงค่อยๆ ดึงออกอย่างช้าๆ สิวเสี้ยนก็จะหลุดออกมาพร้อมแผ่นลอกสิว เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก ราคาไม่แพงนัก แต่การใช้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะสารเคมีที่ใช้ อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ค่ะ ดังนั้นเพื่อนๆ อาจจะลองใช้ด้วยวิธีแบบธรรมชาติก็ได้นะค่ะ ให้ผลดีเหมือนกับใช้แผ่นลอกสิว ไม่มีสารตกค้าง และประหยัดกว่าด้วยค่ะ เช่น <br />
<br />
<b>5. การมาสก์ผิวด้วยไข่ขาว </b><br />
เป็นวิธีที่เก๋า แต่ก็ช่วยให้สิวเสี้ยนลอกตัวออกมาได้มาก โดยทาไข่ขาวบาง ๆ ที่จมูกหรือข้างแก้ม แล้วนำกระดาษซับหน้าแค่ชั้นเดียว หรือกระดาษทิชชูคลี่ให้บาง แปะทับลงไป ปล่อยให้แห้ง แล้วจึงดึงออก จะมีสิวเสี้ยนหลุดติดออกมาด้วย <br />
<br />
<b>6.ไปพบแพทย์ผิวหนัง </b><br />
โดยปกติแล้ว เมื่อคุณทำตามคำแนะนำทั้งหมดจะช่วยให้คุณกำจัดสิวได้ แต่ถ้าหากคุณพบว่า ตัวเองยังคงทุกข์ทรมานจากการเป็นสิว ทางออกที่ดีที่สุดคือ ปรึกษาแพทย์และขอคำแนะนำ การรักษาอื่น ๆ อาจมีความจำเป็นเพื่อรักษาสิวบนใบหน้าของคุณด้วย เช่น การกินยาในการดูแลของแพทย์ วิธีทางเคมี เป็นต้น <br />
<br />
นอกจากนี้ ทางเราได้รวบรวมวิธีดีๆ ที่ได้ผลมากมายของวิธีรักษาสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง ที่เยียวยาด้วยวิธีธรรมชาติ เอาไว้ด้วย สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ:<span style="background-color: #f3f3f3;"> <a href="http://acnecaresite.blogspot.com/2012/07/9.html" target="_blank"><span style="color: blue;"><b>9 สูตรวิธีรักษาสิวเสี้ยนด้วยตัวเองแบบธรรมชาติ</b></span></a></span><br />
<br />
<span style="color: #cc0000; font-size: x-large;"><b>การป้องกันการเกิดสิวเสี้ยน </b></span><br />
คนผิวมัน มีโอกาสเกิดสิวเสี้ยนได้ง่าย เนื่องจากต่อมไขมันมีขนาดโต และมีปริมาณน้ำมัน ออกมาฉาบผิวค่อนข้างมาก จึงเกิดการอุดตันปิดปากรูขุมขนได้ง่าย การลดความมันของใบหน้า จึงช่วยป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนได้ค่ะ <br />
<br />
<b> วิธีลดความมันของผิวหน้าและลดการอุดตันของรูขุมขน </b><br />
1. เลือกใช้เครื่องสำอางที่ช่วยดูดซับความมันของผิว และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อเบา ชนิดโลชั่นจะเหมาะกว่าชนิดครีม และใช้ในปริมาณเพียงน้อย จะช่วยลดการอุดตันบริเวณรูขุมขน <br />
<br />
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA ซึ่งช่วยผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวที่ตกค้างออก และลดการเกิดสิวเสี้ยนได้ <br />
<br />
3. การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ จำพวกเรตินอล ซึ่งนอกจากจะช่วยต่อต้านริ้วรอยแล้ว ยังช่วยเร่งผลัดการเปลี่ยนเซลล์ผิวด้วย แต่ข้อเสียก็คือ อาจเกิดการแพ้ได้ง่าย จึงอาจเลือกใช้วันเว้นวัน และควรทาตอนผิวแห้งสนิท เนื่องจากปฎิกิริยาระหว่างกรดวิตามินเอกับน้ำ อาจทำให้ผิวลอกตัวมากขึ้น <br />
<br />
4. การซับหน้าระหว่างวัน โดยการใช้กระดาษซับหน้า กดซับความมันที่ผิวออก ก็เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดความมันของผิวได้เช่นกัน วิธีที่ถูกต้องคือ วางกระดาษซับมันตรงบริเวณที่หน้ามัน และกดลงเบาๆ ห้ามถู เพียงแค่ปล่อยให้มันดูดซับน้ำมันที่ผิวออกไปเท่านั้น <br />
<br />
<span style="color: red; font-size: large;"><b>*** </b></span><span style="background-color: yellow;">อย่าลืมว่า</span>…สิวเสี้ยน ก็เหมือนสิวอุดตันนั่นแหละค่ะ หากหมั่นรบกวนผิวด้วยการเค้น แคะ แกะ เกา หรือขัดถูหน้าแรงๆ สิวเสี้ยนอาจเกิดการอักเสบหรือทิ้งรอยดำ หรือแผลเป็นไว้บนใบหน้าได้เช่นกันนะค่ะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<b>เรียบเรียงข้อมูลโดย : </b><a href="http://acnecaresite.blogspot.com/">acnecaresite.blogspot.com</a></div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/17711217107298986476noreply@blogger.com