1. เลือกผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่ง
ซึ่งในท้องตลาดก็มีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งเราพอจะแบ่งเป็นกลุ่มๆได้ดังนี้
- แบบสารฟอกสี ( Bleash Agents )
แบบนี้ค่อนข้างอันตราย ซึ่งต้องใช้โดยอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้น แต่ถ้าจะให้ดีเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปใช้วิธีอื่นกันดีกว่า ไปดูวิธีต่อไปกันเลย
- แบบเคลือกปกปิด (Covering Agents)
แบบนี้จะมีสารไททาเนียม ไดออกไซด์ ( Titanium Dioxide) เป็นสารหลัก ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการเคลือบผิวเฉพาะกิจ พอล้างออกสารนั้นก็จะถูกชำระล้างออกไป เหมาะสำหรับสาวๆที่ต้องการความสวยแบบเร่งด่วน
- แบบสารที่ทำให้ผิวขาว (Whitenning Agents)
สำหรับสารในกลุ่มนี้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของผิวขาวกระจ่างใส เพราะผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จะทำให้ผิวของเรากระจ่างใส อย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งกระบวนการเกิดปัญหาเม็ดสี ทั้ง 3 ประการ คือ ลดการกระตุ้นการสร้างเม็ดสี, ลดการสังเคราะห์เม็ดสี, ลดการขนถ่ายเม็ดสี ที่เป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาผิวหมองคล้ำและจุดด่างดำต่าง ๆ ก็จะยิ่งได้ผลดีแต่ที่ต้องระวังและควรหลีกเลี่ยงคือสารในกลุ่มไฮโดรควิโนน เนื่องจากสารกลุ่มนี้จะทำให้เกิดปัญหาในระยะยาวตามมาแน่นอน
2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
4. ดื่มน้ำวันละประมาณ 1.5-2 ลิตร
ซึ่งในท้องตลาดก็มีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งเราพอจะแบ่งเป็นกลุ่มๆได้ดังนี้
- แบบสารฟอกสี ( Bleash Agents )
แบบนี้ค่อนข้างอันตราย ซึ่งต้องใช้โดยอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้น แต่ถ้าจะให้ดีเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปใช้วิธีอื่นกันดีกว่า ไปดูวิธีต่อไปกันเลย
- แบบเคลือกปกปิด (Covering Agents)
แบบนี้จะมีสารไททาเนียม ไดออกไซด์ ( Titanium Dioxide) เป็นสารหลัก ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการเคลือบผิวเฉพาะกิจ พอล้างออกสารนั้นก็จะถูกชำระล้างออกไป เหมาะสำหรับสาวๆที่ต้องการความสวยแบบเร่งด่วน
- แบบสารที่ทำให้ผิวขาว (Whitenning Agents)
สำหรับสารในกลุ่มนี้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของผิวขาวกระจ่างใส เพราะผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จะทำให้ผิวของเรากระจ่างใส อย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งกระบวนการเกิดปัญหาเม็ดสี ทั้ง 3 ประการ คือ ลดการกระตุ้นการสร้างเม็ดสี, ลดการสังเคราะห์เม็ดสี, ลดการขนถ่ายเม็ดสี ที่เป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาผิวหมองคล้ำและจุดด่างดำต่าง ๆ ก็จะยิ่งได้ผลดีแต่ที่ต้องระวังและควรหลีกเลี่ยงคือสารในกลุ่มไฮโดรควิโนน เนื่องจากสารกลุ่มนี้จะทำให้เกิดปัญหาในระยะยาวตามมาแน่นอน
2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพราะในช่วงเวลาพักผ่อนเป็นช่วงที่ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ โดยเฉพาะชั่วโมงทองระหว่าง 5 ทุ่มถึงตี 4 จะเป็นเวลาของผิวอย่างแท้จริง
3. รับประทานผักผลไม้สดที่หลากหลาย
3. รับประทานผักผลไม้สดที่หลากหลาย
โดยเฉพาะในกลุ่มที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ เพราะไม่เพียงการได้รับวิตามินที่จำเป็นต่อผิวแล้ว ยังช่วยให้ระบบการขับถ่ายเป็นปกติด้วย ยิ่งเป็นผักผลไม้ ที่มีวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และแคโรทีนอยด์ ยิ่งจะช่วยส่งเสริมการดูแลผิว ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระได้ด้วย
4. ดื่มน้ำวันละประมาณ 1.5-2 ลิตร
เพื่อเป็นการล้างของเสียจากภายใน เพื่อผิวสวยใสสู่ภายนอก ซึ่งการดื่มน้ำที่ถูกวิธีเราจะต้องจิบเรื่อย ๆ ทั้งวันไม่ใช่ดื่มครั้งละแก้วใหญ่ ๆ และไม่ควรดื่มน้ำเฉพาะเวลาที่รู้สึกกระหายเท่านั้น โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานในห้องแอร์ เพราะผิวจะสูญเสียน้ำละความชุ่มชื่นไปโดยไม่รู้ตัว
5. หลีกเลี่ยงแสงแดดและใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ
5. หลีกเลี่ยงแสงแดดและใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ
การใช้ครีมกันแดดที่ดี ไม่จำเป็นต้องเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงจนเกินไป เพราะยิ่ง SPF สูง สารเคมีก็ยิ่งเยอะด้วย ค่า SPF ที่แนะนำ ควรจะอยู่ระหว่างSPF15-SPF40 และถ้าเป็นคนที่เหงื่อออกง่าย สารกันแดดเหล่านี้ก็หลุดไปพร้อมกับเหงื่ออยู่แล้ว การทาซ้ำระหว่างวัน น่าจะเป็นวิธีที่ได้ผลมากกว่า และข้อสำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือ ครีมกันแดดที่เลือกใช้ควรมีค่า PA ด้วยทุกครั้ง โดยเฉพาะ PA+++ จะยิ่งดีที่สุด เพราะสามารถกันรังสี UVA ได้มากกว่า 8 เท่า แบบนี้ผิวก็จะสวยสู้แดดได้สบาย
ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก: http://www.deeday23.com
ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก: http://www.deeday23.com